“เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์” เปิดแผนพลิกโฉมการเติบโต “LifeScape at a New Heightเปิดบ้านคอนโดใหม่ปี 66 All Time High 14,700 ล้าน

0
386

“เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์” ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่การเป็น LifeScape Developer เปิดแผนธุรกิจปี 66 “LifeScape at a New Height” พลิกโฉมการเติบโตสู่อีกระดับผ่านการสร้างความแข็งแกร่ง 3 ด้าน ธุรกิจอสังหาฯ-แบรนด์ธุรกิจใหม่ บุกหนักธุรกิจอสังหาฯ แบบ All Time High เปิดโครงการบ้านและคอนโดใหม่ 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 14,700 ล้าน ชูหลากแบรนด์และเซ็กเมนท์ใหม่ อาทิ คอนโดลักซูรีตอบโจทย์ Wellness พรีเมียมทาวน์โฮม ควบคู่การขยายทำเลครอบคลุมตั้งแต่ CBD ถึงกรุงเทพฯรอบนอก ตั้งผู้บริหารระดับสูงดูแล Customer Experience สร้าง Warrior Mindset ให้พนักงาน ควบคู่ลงทุน Digital Transformation รองรับอนาคต ยืนหยัดแบรนด์สร้างความสุขทั้งคนและสัตว์เลี้ยง ตอกย้ำเบอร์ 1 ที่อยู่อาศัยเลี้ยงสัตว์ได้ทุกโครงการ ใส่ใจสังคมสิ่งแวดล้อมต่อเนื่อง มั่นใจธุรกิจโตแกร่งและมั่นคง ตั้งเป้ายอดขายที่อยู่อาศัย 7,000 ล้าน และรายได้รวม 5,000 ล้าน ในปี 2566 

นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซูรีและโครงการที่อยู่อาศัยที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet-Friendly Residences) กล่าวว่า บริษัทยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรให้เปลี่ยนสถานะจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Developer) สู่การเป็นผู้พัฒนารูปแบบการใช้ชีวิต (LifeScape Developer) อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตของผู้บริโภคทุกมิติ ล่าสุด ในปี 2566 บริษัทจะเดินหน้าแผนธุรกิจ LifeScape at a New Height ผลักดันความแข็งแกร่งและศักยภาพ เพื่อการเติบโตสู่อีกขั้น โดยมี 3 ด้านหลักที่มุ่งผลักดัน ได้แก่ 1.Solidify Residential-Scape ผลักดันความแข็งแกร่งให้กลุ่มธุรกิจหลัก 2.Fortify LifeScape & PetScape ตอกย้ำความแข็งแกร่งให้จุดเด่นของแบรนด์ และ 3.Diversify Revenue ปรับสัดส่วนประเภทของธุรกิจหลัก พร้อมผลักดันความแข็งแกร่งธุรกิจใหม่

สำหรับด้าน Solidify Residential-Scape ผลักดันความแข็งแกร่งให้กลุ่มธุรกิจหลักในหลากหลายมิติ ได้แก่ All Time High เปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุดในประวัติศาสตร์การก่อตั้ง 24 ปี จำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 14,700 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม Super Luxury High-rise 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 8,800 ล้านบาท บ้านจัดสรร 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 5,900 ล้านบาท เพื่อให้พร้อมรองรับความต้องการผู้บริโภค ในภาวะความต้องการและเศรษฐกิจฟื้นตัวหลังโควิด-19 New Brand and Segment เปิดตัว 5 แบรนด์ใหม่ เจาะหลากเซ็กเมนท์ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายขึ้น อาทิ แบรนด์ Marquis (มาร์ควิส) แบรนด์คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซูรีที่มีฟังก์ชันตอบโจทย์ด้านการมีชีวิตที่ดี (Wellness) แบรนด์ Mayfield (เมย์ฟิลด์) พรีเมียมทาวน์โฮมระดับไฮเอนด์ที่ออกแบบให้ใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ แบรนด์ Mayfield Lane (เมย์ฟิลด์ เลน) แบรนด์บ้านเดี่ยวระดับลักชูรีทำเลใจกลางเมือง แบรนด์ Milford (มิลฟอร์ด) แบรนด์ทาวน์โฮมระดับไฮเอนด์ และยังมีแบรนด์ใหม่อีก 1 แบรนด์ เป็น Super Luxury Limited Edition ที่จะเปิดเผยชื่อแบรนด์ในอนาคต New Location ขยายอาณาจักรที่อยู่อาศัยสะสมของบริษัทให้ครอบคลุมตั้งแต่พื้นที่ใจกลางย่านธุรกิจ (CBD) ไปจนถึงพื้นที่ใจกลางธุรกิจส่วนต่อขยาย (Extended CBD) และพื้นที่กรุงเทพฯรอบนอก (Greater Bangkok) โดยโครงการใหม่ในปีนี้จะเกาะทำเลที่มีความต้องการสูง ตั้งแต่ สุขุมวิท-พร้อมพงษ์ พญาไท พัฒนาการ ลาดพร้าว และรามคำแหง

“แม้ในช่วงที่ผ่านมา เราจะชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ลงไป แต่เราไม่ได้อยู่เฉยๆ เราผ่าตัดองค์กรหลายๆ ด้าน เพื่อให้พร้อมรองรับการพลิกโฉมการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง มาดูแลด้านการพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าหรือ Customer Experience โดยตรง การปรับวิธีคิดของพนักงานให้เป็น Warrior Mindset มีวิธีคิดแบบนักสู้ พร้อมรับมือทุกสถานการณ์ รวมถึงได้ทยอยลงทุนด้าน Digital Transformation พัฒนา Future Platform วางรากฐานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ปีนี้และปีหลังจากนี้ เรามั่นใจว่าจะสร้างการเติบโตสู่อีกระดับ” นางสาวเพชรลดา กล่าว

ด้าน Fortify LifeScape & PetScape ตอกย้ำความแข็งแกร่งให้จุดเด่นของแบรนด์ จับมือพันธมิตร พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก บริการ กิจกรรม สิทธิพิเศษต่างๆ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตทั้งในและนอกที่อยู่อาศัยของทั้งคนและสัตว์เลี้ยง ตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 โครงการที่อยู่อาศัยเลี้ยงสัตว์ได้ทุกโครงการ (No.1 Pet-Friendly Residences) รวมถึงจับมือพันธมิตรด้านคุณภาพการออกแบบ การก่อสร้าง วัสดุ เพื่อสร้างสรรค์งาน Craft & Quality พร้อมทั้งเดินหน้ายกระดับความเป็นอยู่ที่ดีของคนในสังคมผ่านโครงการ Care-Share-Change ทั้งการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ตามไซต์ก่อสร้าง รวมถึงการจัดถังขยะสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ การช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงผ่านมูลนิธิต่างๆ

ขณะที่ด้าน Diversify Revenue คือการปรับสัดส่วนโดยเพิ่มการพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น อีกทั้ง ยังขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ LifeScape Developer ด้วยการขยายธุรกิจใหม่ๆ ให้ครอบคลุมทุกมิติการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคอีก 2 ธุรกิจคือ HealthScape และ TechScape 

นางสาวเพชรลดา กล่าวอีกว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยและภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ มีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดี โดยเฉพาะจากภาคการท่องเที่ยว ที่จะช่วยสร้างเม็ดเงินสะพัด เพิ่มบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอย กำลังซื้อให้แก่ตลาด เมื่อประกอบกับแผนธุรกิจ LifeScape at a New Height การเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ การฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและอาคารสำนักงานมาช่วยสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ตลอดจนการเดินหน้าลุยธุรกิจใหม่ บริษัทมั่นใจว่า ภาพรวมธุรกิจของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จะเติบโตได้อย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง สร้างยอดขายจากโครงการที่อยู่อาศัยตลอดปี 2566 ที่ 7,000 ล้านบาท และสร้างรายได้รวมที่ 5,000 ล้านบาท

“เรามุ่งมั่นสรรสร้างอนาคตที่ดีให้ผู้บริโภค ควบคู่กับการเติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง โรดแมประยะยาวของเราจะเห็นการกระจายพอร์ตฟอลิโอที่อยู่อาศัยระหว่างคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร ให้พร้อมรองรับทุกสภาวะเศรษฐกิจ เราจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจใหม่ที่ไม่ใช่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็จะค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนขึ้นมาเป็น 20% ในอีก 5 ปีข้างหน้า” นางสาวเพชรลดา กล่าว

บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซูรี มีธุรกิจหลักในเครืออยู่ 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย 2.กลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ 
เช่น ออฟฟิศและโรงแรม 3.กลุ่มธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ มีวิสัยทัศน์ในการเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างโครงการระดับลักซูรีที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.