“ราโด” (Rado) แบรนด์นาฬิกาชื่อดังระดับโลก จัดงาน “Rado Novelties 2024” สุดยิ่งใหญ่อวดโฉมสุดยอดเรือนเวลาหรูจาก 6 รุ่นดังน่าสะสมประจำปี 2024 ให้เหล่าคนรักนาฬิกาได้สัมผัสความงดงามพร้อมกันแล้ววันนี้

0
412

สัมผัสความเหนือระดับที่เปี่ยมไปด้วยสุดยอดนวัตกรรมจากแบรนด์ “ราโด” (Rado) เรือนเวลาหรูสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ที่ล่าสุด มร.เรเน่ ฟูลเลอร์ (Mr. René Furler) หัวหน้าฝ่ายขายและแบรนด์เมเนเจอร์ส่วนภูมิภาค พร้อมด้วยคุณธีรเนตร ภัทรวุฒิพงศ์ ผู้บริหารแบรนด์ “ราโด” (Rado) ประเทศไทย ได้จัดงานแสดงเรือนเวลาครั้งยิ่งใหญ่ ประจำปี 2024 กับงาน “Rado Novelties 2024” เพื่อเปิดตัวนาฬิกาหรูน่าสะสมทั้ง 6 รุ่นดังประจำปี ได้แก่  “กัปตัน คุก” ในปีนี้ที่มาในเฉดสีเขียวมะกอก 2 รุ่น แตกต่างกันที่วัสดุ นำทัพด้วย “กัปตัน คุก ไฮเทค เซรามิก สเกเลตัน” (Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton) ตัวเรือนไฮเทคเซรามิก R32150162 และแบบสายยาง R32150168 ต่อมาที่ “ทรู สแควร์ โอเพ่น ฮาร์ท” (True Square Open Heart) 2 เฉดสีใหม่ล่าสุด ไฮเทค เซรามิกสีขาวประดับอัญมณี R27073712 และไฮเทค เซรามิกสีเขียวเทอร์ควอยซ์ ประดับเพชรแท้ R271767120 พร้อมด้วยรุ่นสเปเชียล อิดิชั่นอย่าง “ทรู สแควร์ x คุนิฮิโกะ โมรินากะ” (True Square x Kunihiko Morinaga) R27086172 ถัดมาที่ “ทรู ราวด์ โอเพ่น ฮาร์ท” (True Round Open Heart) กับ 4 รุ่นใหม่ มีเฉดสีที่สวยงาม ได้แก่สีขาว R27115012, สีพลาสม่า R27108112, สีดำ R27107172 และรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น สีขาว R27115022 จุดเด่นที่หน้าปัดที่สะท้อนแสงอาทิตย์มีเพียง 888 เรือนทั่วโลกรุ่นต่อมาคือรุ่นยอดนิยมของสุภาพสตรี “เซนทริกซ์ โอเพ่น ฮาร์ท” (Centrix Open Heart) เพิ่มความหรูหราบนหน้าปัดด้วยเพชรแท้ Super Jubilé คือรุ่นที่ประดับเพชรเป็นประกาย 86 เม็ดตรงส่วนโค้งด้านล่างของบริดจ์ 2 รุ่น ตัวเรือนสีขาว R30029932 และตัวเรือนสีน้ำตาล R30029942 มาพร้อมรุ่น Jubilé ที่ประดับเพชรแท้ 12 เม็ด บนหน้าปัดขนาด 35 มม ได้แก่ รุ่นสีขาว R30029922, สีน้ำตาล R30029902, สีพลาสม่า R30029912 และสีน้ำตาล ในขนาดหน้าปัด 39.5 มม R30028902 ถัดมาที่รุ่นไอคอนิคเรือนเวลาที่เปิดตัวเมื่อปลายปี 2023 อย่าง “อะนาตอม” (Anatom) พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้มากับสีหน้าปัดใหม่ 3 สี ได้แก่ สีเขียว R10202319, สีน้ำเงิน R10202209, สีคอนยัค R10202309 ปิดท้ายที่รุ่น “ไดสตาร์” (DiaStar) R12161733 นาฬิการุ่นไอคอนิคที่มาในเฉดสีทองสุดคลาสสิก พร้อมให้เหล่าคนรักนาฬิกาได้ยลโฉมพร้อมกันแล้วที่ โรกส์ บาร์ (Rogues Bar) โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ สุขุมวิท

โดยในงานได้รับเกียรติจากเหล่าเซเลบริตี้แฟนคลับแบรนด์ตบเท้าเข้าร่วมงานกันคับคั่ง อาทิ ปรีดากร เมธเกรียงชัย, ขนิษฐา ดรุณเนตร, เฌอปัฐน์ กิตติพรวริษฐ์, จงกล พลาฤทธิ์ และอีกมากมายรวมถึงเหล่านักแสดงชื่อดังที่มาร่วมถ่ายทอดสไตล์อันโดดเด่นผ่านเรือนเวลาสุดหรู อาทิ อาเล็ก-ธีรเดชเมธาวรายุทธ, ปอนด์-ณราวิชญ์ เลิศรัตน์โกสุมภ์, บลู-พงศ์ทิวัตถ์ ตั้งวันเจริญ, มารีน่า-ศดานันท์ บาเล็นซิเอก้า และแยม-มทิรา ตันติประสุต

“ราโด” (Rado) แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เริ่มต้นขึ้นในปีค.ศ. 1917 โดยพี่น้องตระกูล Schlup ที่ก่อตั้ง บริษัท Schlup & Co. ขึ้นในเมืองเลงนาว ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ราโด (Rado) นับได้ว่าเป็นผู้สรรสร้างนวัตกรรมเรือนเวลาระดับโลกที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “Master of Materials” ด้วยสุดยอดผลงานออกแบบไฮเทค เซรามิก (High-Tech Ceramics) อันล้ำสมัยไม่เหมือนใคร ผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีด้านวัสดุศาสตร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้อย่างลงตัว

มร.เรเน่ ฟูลเลอร์ (Mr. René Furler) กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ว่า“Rado Novelties 2024 เป็นการจัดแสดงเรือนเวลาหรูรุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2024 ที่มาพร้อมกับดีไซน์อันหลากหลายในตัวเรือนสุดพิเศษที่ผลิตจากวัสดุล้ำสมัยที่เราได้พัฒนาขึ้นมา อย่างไฮเทค เซรามิก ซึ่งโดดเด่นด้วยคุณสมบัติที่มีความแข็งแรง ทนทานต่อรอยขีดข่วน รวมถึงมีน้ำหนักที่เบาสบาย และสำหรับปี 2024 นี้เราได้เปิดตัวนาฬิกาถึง 6 รุ่นดัง นำโดยเรือนไฮไลท์จากคอลเลกชั่น กัปตัน คุก ไฮเทค เซรามิก สเกเลตัน (Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton) ที่มีความเท่สปอร์ตรวมถึงมาในโทนสีใหม่ล่าสุดอย่างสีเขียวมะกอกที่สะท้อนถึงธรรมชาติและการผจญภัย พร้อมกันนี้ยังมีนาฬิกาอีกหลากหลายคอลเลกชั่นให้เหล่านักสะสมและคนรักเรือนเวลาหรูได้รับชมกันแบบเอ็กซ์คลูซีฟ”

โดยภายในงาน “Rado Novelties 2024” จะจัดแสดงสุดยอดเรือนเวลาประจำปี 2024 ที่ประกอบไปด้วย 6 รุ่นดีไซน์ล่าสุด นำโดยเรือนไฮไลท์อย่าง “กัปตัน คุก”  นี้ที่มาในเฉดสีเขียวมะกอกกับ 2 รุ่นแตกต่างกันที่สาย คือ “กัปตัน คุก ไฮเทค เซรามิก สเกเลตัน” (Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton) สายไฮเทค เซรามิกแบบด้านสีเขียวมะกอก R32150162 ที่เป็นพระเอกในงานนี้ มาพร้อมกับรุ่นสายยาง R32150168 โดยการนำเสนอในคอนเซ็ปต์เนรมิตเมืองให้เป็นพงไพรธรรมชาติในแบบฉบับของคุณ ด้วยการดีไซน์ตัวเรือนในโทนสีเขียวมะกอกที่จะช่วยกระตุ้นถึงความเป็นนักผจญภัยของผู้สวมใส่ ด้านตัวเรือนผลิตจากไฮเทคเซรามิกที่มีโครงสร้างแบบเป็นชิ้นเดียว พร้อมกรอบหน้าปัดผลิตจากสแตนเลสสตีลเคลือบ PVD สีโรสโกลด์และขอบไฮเทคเซรามิกสีเขียวมะกอกแบบด้านที่มีตัวเลขและเครื่องหมายเป็นแบบสลักลวดลายรูปสามเหลี่ยมที่เคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) สีขาว พร้อมมอบสัมผัสการสวมใส่ที่สบายด้วยสายนาฬิกา 2 แบบ ทั้งสายนาฬิกายางสีเขียวมะกอกแบบด้าน พร้อมบานพับล็อกแบบขยายได้ที่ผลิตจากสแตนเลสสตีล และสายนาฬิกาแบบถักที่ผลิตจากไฮเทคเซรามิกพร้อมบานพับล็อกแบบ 3 ทบที่ทำจากไทเทเนียมเพิ่มความแข็งแรงทนทานในโทนสีเขียวมะกอกเข้ากันได้ดีกับสีของตัวเรือน นอกจากนี้บริเวณด้านหลังตัวเรือนยังผลิตจากไทเทเนียมแบบขัดเงารูปทรงกลม ที่มีกระจกคริสตัลแซฟไฟร์แบบโปร่งใสสามารถมองเห็นกลไกการทำงานอันทรงพลังของระบบออโตเมติก คาลิเบอร์ R808 ให้ความแม่นยำและเที่ยงตรงอย่างไร้ที่ติ พร้อมแฮร์สปริงที่ผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) ช่วยเพิ่มความแข็งแรงทนทานต่อสนามแม่เหล็กได้เป็นอย่างดี และสามารถสำรองพลังงานสูงสุดถึง 80 ชั่วโมง มาพร้อมกับความสามารถกันน้ำได้ลึก 30 บาร์ หรือ 300 เมตร

ต่อมาที่รุ่น  “ทรู สแควร์ โอเพ่น ฮาร์ท” (True Square Open Heart) มาใน2 เฉดสีใหม่ ได้แก่ รุ่นสีขาว ประดับอัญมณี R27073712 และสีเขียวเทอร์ควอยซ์ประดับเพชรแท้ R271767120 ที่ออกแบบมาเพื่อเผยให้เห็นความงดงามของกลไกที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้าปัดนาฬิกาได้อย่างชัดเจน โดยในทั้ง 2 รุ่น มีตัวเรือนและเม็ดมะยมทำจากไฮเทค  เซรามิกที่มีโครงสร้างแบบตัวเรือนชิ้นเดียว ครอบทับหน้าปัดด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์เคลือบกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน ส่วนฝาหลังผลิตจากไทเทเนียมเพิ่มความแข็งแรง ในตัวเรือนรุ่นสีขาวจะถูกประดับด้วยอัญมณี 12 เม็ด แทนตำแหน่งหลักบอกเวลาแบบชั่วโมง ที่ประกอบด้วยแซฟไฟร์สีน้ำเงิน, อะความารีน, ซาโวไรต์, แซฟไฟร์สีเหลือง, สปิเนล, แซฟไฟร์สีชมพู และแซฟไฟร์สีม่วง ในขณะที่ตัวเรือนรุ่นสีเขียวเทอร์ควอยซ์ใช้เพชรคุณภาพสูง Top Wesselton ประดับ 12 เม็ด โดยทั้งสองรุ่นถูกขับเคลื่อนด้วยกลไกคาลิเบอร์ R734 สำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง มีแฮร์สปริงป้องกันสนามแม่เหล็กที่ผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) เคลือบตกแต่งผิวด้วยลวดลายวงกลมและโครงสร้าง Cote de Geneve บนฐานกลไก ตัวเข็มนาฬิกาสีโรเดียมเคลื่อนบนหน้าปัด มีสัญลักษณ์สมอเรือเคลื่อนไหวในโทนสีโรเดียมที่โดดเด่นบนพื้นหลังสีขาวหรือสีเงิน และสายของนาฬิกาผลิตจากไฮเทคเซรามิกขัดเงา นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่นที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอย่าง “ทรู สแควร์ x คุนิฮิโกะ โมรินากะ” (True Square x Kunihiko Morinaga) R27086172  ที่เป็นผลงานการสร้างสรรค์เรือนเวลาร่วมกับ คุนิฮิโกะ โมรินากะ (Kunihiko Morinaga) ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวญี่ปุ่นที่ชื่นชอบการออกแบบล้ำยุค โดยครั้งนี้นักออกแบบได้ใช้เทคโนโลยีโฟโตโครมิก (Photochromic) มาใช้บนหน้าปัดนาฬิกาทำให้สนองต่อการเปลี่ยนแปลงเมื่อโดนแสง บางครั้งดูทึบแสงและบางครั้งจะดูโปร่งแสง เพื่อซ่อนและเปิดเผยรายละเอียดโครงสร้างกลไกออโตเมติกที่อยู่ภายในตัวเรือน ทำให้นาฬิการุ่นนี้มีความน่าสนใจและชวนค้นหา บนหน้าปัดเข็มบอกเวลาทั้ง 3 เข็มถูกตกแต่งด้วยสีโรเดียม เข็มบอกชั่วโมงและนาทีประดับขอบสีขาวพร้อมเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) ด้านตัวเรือนนาฬิกาเป็นแบบโครงสร้างชิ้นเดียว พร้อมเม็ดมะยมและสายนาฬิกาผลิตจากไฮเทคเซรามิกสีดำแบบขัดเงา เรียบเนียน เป็นกรอบสวย เล่นแสง สี เงา และมิติได้ดี ทำให้นาฬิการุ่นนี้มีเอกลักษณ์ที่ดูโดดเด่น ฝาหลังทำจากไทเทเนียมผิวสัมผัสแบบพ่นทราย เคลือบ PVD สีดำ เข้ากันได้ดีกับกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่แกะสลักข้อความ “KUNIHIKO MORINAGA SPECIAL EDITION” ด้านกระจกหน้าปัดผลิตจากคริสตัลแซฟไฟร์เคลือบกันการสะท้อนแสงทั้งสองด้าน ซึ่งตัวเรือนมาในขนาด 38 x 44 มม. พร้อมการขับเคลื่อนด้วยกลไกออโตเมติก คาลิเบอร์ Rado734 ที่สำรองพลังงานได้ 80 ชั่วโมง พร้อมแฮร์สปริงผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) ช่วยป้องกันสนามแม่เหล็ก ที่มีดีไซน์โอเพ่นฮาร์ท เกลียวละเอียด มาพร้อมใบรับรองเรือนเวลารุ่นสุดพิเศษนี้ด้วย

ถัดมาที่ “ทรู ราวด์ โอเพ่น ฮาร์ท” (True Round Open Heart) มาพร้อมกับ4 รุ่นดีไซน์ใหม่ ได้แก่ สีขาว R27115012, สีพลาสม่า R27108112, สีดำ R27107172 และรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น สีขาวหน้าปัดสะท้อนแสงอาทิตย์ R27115022 ที่มีเพียง 888 เรือนทั่วโลกโดยดีไซน์หน้าปัดมีแรงบันดาลใจมาจากสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความอนันต์ (Infinity) และเลข 8 ที่หมายถึงโชคลาภ พร้อมเผยให้เห็นกลไกอันแสนประณีตให้เห็นอย่างน่าตื่นตา โดยจะมี 3 รุ่นในโทนสีหน้าปัดสีขาว สีพลาสมา และสีดำ โดดเด่นด้วยขอบสีทองโรสโกลด์ และเข็มชั่วโมงและนาทีในโทนสีทองโรสโกลด์เคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) สีขาว บนตัวเรือนขนาด 40 มิลิเมตร โดยทั้งตัวเรือน เม็ดมะยม และสายนาฬิกาผลิตจากไฮเทค เซรามิกขัดเงาสีดำ สีพลาสมา และสีขาว ส่วนอีกอีก 1 รุ่น จะเป็นรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น ที่มาในตัวเรือนและเม็ดมะยมผลิตจากไฮเทคเซรามิกสีขาวซันเรย์ขัดเงา โครงสร้างแบบตัวเรือนชิ้นเดียว และฝาหลังผลิตจากไทเทเนียม โดยบริเวณตรงกลางประดับด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์แกะสลักคำว่า: LIMITED EDITION ONE OUT OF 888 อย่างพิถีพิถัน โดยจุดเด่นจะอยู่ที่หน้าปัดซันเรย์สีขาวเรืองแสงที่มีเข็มบอกเวลาเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) พร้อมล้อมด้วยวงแหวนสีเทาบนหน้าปัด ซึ่งนาฬิกาทั้ง 4 รุ่นใหม่นี้จะขับเคลื่อนด้วยกลไกออโตเมติกคาลิเบอร์ R734 ที่มีดีไซน์โอเพ่นฮาร์ท สามารถสำรองพลังงานได้นาน 80 ชั่วโมง เสริมความแข็งแรงด้วยแฮร์สปริงที่ผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) ช่วยป้องกันสนามแม่เหล็ก

ต่อมาที่นาฬิการุ่นยอดนิยมของสุภาพสตรี “เซนทริกซ์ โอเพ่น ฮาร์ท” (Centrix Open Heart) เพิ่มความหรูหราบนหน้าปัดด้วยเพชรแท้ Super Jubilé ขนาดหน้าปัด 35 มม ประดับเพชรเพิ่มเป็นประกาย 86 เม็ด ตรงส่วนโค้งด้านล่างของบริดจ์ 2 รุ่น ตัวเรือนสีขาว R30029932 และตัวเรือนสีน้ำตาล R30029942 มาพร้อมรุ่น Jubilé ที่ประดับเพชรแท้ 12 เม็ด บนหน้าปัดขนาด 35 มม ได้แก่ รุ่นสีขาว R30029922, สีน้ำตาล R30029902, สีพลาสม่า R30029912 และสีน้ำตาล ขนาดหน้าปัด 39.5 มม R30028902 ในดีไซน์สไตล์เฟมินีนที่จะดึงดูดทุกสายตาด้วยรายละเอียดอันเป็นเอกลักษณ์ โดยนาฬิการุ่นเซนทริกซ์ (Centrix) นั้นสื่อถึงการมาจากจักรวาลของนาฬิกา Swiss made ที่เวลา คือการเคลื่อนไหว และเพชร คือดวงดาวที่กำลังส่องแสงวาววับอยู่บนท้องฟ้านับเป็นการผสมผสานสองแมททีเรียลอันสะท้อนให้เห็นถึงความคลาสสิกและความทันสมัยได้อย่างลงตัว ระหว่างสแตนเลสสตีล และไฮเทคเซรามิก โดยจุดเด่นของเรือนเวลาคอลเลกชั่นนี้อยู่ที่การประดับตกแต่งหน้าปัดด้วยเพชรแท้ มากกว่ารุ่นก่อนๆ โดยเรียกว่า ‘Super Jubile’ ตัวเรือนสีขาว R30029932 และตัวเรือนสีน้ำตาล R30029942 พร้อมช่องที่เปิดโชว์บนหน้าปัดเพื่อเผยให้เห็นกลไกอันพลิ้วไหวที่น่าหลงใหลภายในเรือนเวลา โดยมีให้เลือกหลากหลายสีสันตามความชอบ รุ่น Jubilé สำหรับท่านที่ชื่นชอบเพชรไม่มากหรือไม่น้อยจนเกินไป ประดับบนตำแหน่งชั่วโมง

ด้านรุ่น “อะนาตอม” (Anatom) มากับสีหน้าปัดใหม่ 3 สี ได้แก่ สีเขียว R10202319, สีน้ำเงิน R10202209, สีคอนยัค R10202309 ซึ่งเป็นรุ่นที่มีความโดดเด่นถูกเปิดตัวเมื่อปลายปี 2023 ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และครั้งนี้พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว โดยรุ่น อะนาตอม นับเป็นเรือนเวลาที่สามารถสะท้อนตัวตนของแบรนด์ ราโด(Rado) ออกมาได้เป็นอย่างดี โดยเปิดตัวครั้งแรกในช่วงปลายปี ค.ศ. 1983 นาฬิการุ่นนี้ได้นำเสนอคอนเซ็ปต์ Anatom แห่งการปฏิวัติเรือนเวลา ด้วยกระจกแซฟไฟร์ที่นูนตามแนวโค้งของสรีระรับกับส่วนข้อมือได้อย่างลงตัว ควบคู่ไปกับตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยม และหลังจาก 40 ปี นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรก Anatom ได้กลับมาเฉิดฉายอีกครั้งอย่างสง่างาม ในแบบที่สะท้อนถึงอดีตอันรุ่งโรจน์ และในครั้งนี้ได้เปิดตัว Anatom กับ 4 รุ่นใหม่ที่มีให้เลือก โดยมี 3 รุ่นที่แตกต่างจากสีของหน้าปัด ที่มีตัวเรือนสีดำรูปทรงสี่เหลี่ยมผลิตจากไฮเทคเซรามิก ด้านหน้าปัดไล่ระดับเฉดสีจากบริเวณตรงกลางตัวเรือนไปยังบริเวณขอบด้านนอกในโทนสีดำเข้ม แตกต่างกันออกไปในแต่ละเฉดสีทั้งสีเขียว, สีน้ำเงิน และสีคอนยัค โดยมีดีเทลหน้าต่างบอกวันที่ตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกา ส่วนเข็มชั่วโมงทำจากโรเดียมเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) สีขาว พร้อมการขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ คาลิเบอร์ R766 ที่เข้ากันได้ดีกับสายนาฬิกายางสีดำคุณภาพสูง

ปิดท้ายที่รุ่น “ไดสตาร์” (DiaStar) นาฬิกาไอคอนิคจาก ราโด (Rado) ที่รุ่นใหม่คือรุ่น “ไดสตาร์” (Diastar) R12161733 สีทองโดดเด่น สะกดทุกสายตา จัดแสดงพร้อมกับรุ่นยอดนิยมตลอดกาลอย่าง “ไดสตาร์ ออริจินัล สเกเลตัน” (DiaStar Original Skeleton) สีเงินและสีทอง นาฬิการุ่น “ไดสตาร์” (DiaStar) นี้ได้รับความนิยมมาอย่างช้านานตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1972 และได้มีการปรับปรุงด้วยการนำวัสดุ CeramosTM มาใช้เป็นวัสดุบริเวณขอบเบเซิล (Bazel) ในรุ่นสีทองนี้ด้วยช่วยเพิ่มเสน่ห์ และมีความเป็นเอกลักษณ์ในการมองกลไกบนหน้าปัดนาฬิการุ่นนี้ด้วย พร้อมการเลือกใช้กระจกคริสตัลแซฟไฟร์บริเวณหน้าปัดและฝาหลังช่วยเผยมุมมองให้เห็นกลไกออโตเมติกที่มีรายละเอียดซับซ้อนและสวยงาม ที่มีการสำรองพลังงานได้ยาวนานถึง 80 ชั่วโมง พร้อมแฮร์สปริงผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) ช่วยป้องกันสนามแม่เหล็ก

ด้านเหล่าเซเลบริตี้และนักแสดงชื่อดังยังได้ร่วมเผยเคล็ดลับการเลือกเรือนเวลาเสริมลุคในแบบฉบับของตนเอง เริ่มต้นที่ดีไซเนอร์สาว ขนิษฐา ดรุณเนตร เผยว่า “ส่วนตัวเรามักจะสวมนาฬิกาหรูติดข้อมือแมทช์กับลุคในชีวิตประจำวันอยู่ตลอด โดยจะเลือกจากดีไซน์ที่มีความคลาสสิกสามารถมิกซ์แอนด์แมทช์กับเสื้อผ้าได้ง่าย อย่างตัวเรือนในรุ่นทรู ราวด์ โอเพ่น ฮาร์ท (True Round Open Heart) ดูน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะมีลูกเล่นที่เป็นดีเทลหน้าปัดแบบเปลือยเผยให้กลไกในตัวเรือนวงกลมโทนสีดำเข้ม ช่วยเสริมลุคให้ดูโก้หรูทั้งในวันทำงานไปจนถึงลุคงานปาร์ตี้ที่ต้องการความโดดเด่น”

ถัดมาที่สาวแฟชั่นนิสต้า เฌอปัฐน์ กิตติพรวริษฐ์ เล่าว่า “เราเป็นคนที่ชอบสวมใส่แอคเซสเซอรีอย่างสร้อยข้อมือและแหวนในโทนสีทองรวมถึงสีโรสโกลด์อยู่เป็นประจำ หากถ้าต้องเลือกเรือนเวลาหรูสักเรือนมาสวมด้วยก็จะเลือกเป็นดีไซน์ที่สามารถแมทช์เข้ากับแอคเซสเซอรีได้อย่างลงตัว อย่างตัวเรือนในโทนสีขาวที่มีหน้าปัดสี่เหลี่ยมจากคอลเลกชั่น ทรู สแควร์ โอเพ่น ฮาร์ท (True Square Open Heart)  เราก็ชื่นชอบมาก เพราะมีดีเทลแต่งด้วยอัญมณีหลากสีช่วยเพิ่มความโดดเด่น ไม่ว่าจะแมทช์กับลุคไหนก็จะช่วยทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นด้วย”

ต่อมาที่นักแสดงสาวสวย แยม-มทิรา ตันติประสุต เผยว่า “โดยส่วนตัวเราจะชอบเรือนเวลาสไตล์เฟมินีนสำหรับผู้หญิง เพราะตอบโจทย์กับการแต่งตัวของเราได้เกือบทุกลุค อย่างคอลเลกชั่นเซนทริกซ์ โอเพ่น ฮาร์ท (Centrix Open Heart) ในตัวเรือนสีขาวสุดโดดเด่น มีการแต่งขอบในโทนสีโรสโกลด์เข้ากันได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังประดับตกแต่งด้วยเพชรแท้ช่วยเพิ่มความหรูหรา เหมาะมากกับชุดเดรสสีดำสำหรับวันออกงานเพราะจะช่วยทำให้ลุคของเราดูมีความน่าค้นหามากยิ่งขึ้น”

ปิดท้ายที่นักแสดงหนุ่มหล่อ อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ เล่าว่า “นาฬิกาเป็นแอคเซสเซอรีสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ชายอย่างเรา เพราะนอกจากจะใช้ดูเวลาแล้วดีไซน์ของนาฬิกายังช่วยเสริมลุคเราให้ดูโดดเด่นด้วย อย่างวันนี้เรือนที่เราชอบจะเป็น กัปตัน คุก ไฮเทค เซรามิก สเกเลตัน (Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton) ในโทนสีใหม่อย่างเขียวมะกอก ดูมีความสปอร์ต สามารถแมทช์กับเสื้อผ้าได้หลากหลายลุค ไม่ว่าจะเป็นลุควันสบายสวมเสื้อยืดคู่กับกางเกงยีนส์ หรือจะลุคสปอร์ตทำกิจกรรมเอาท์ดอร์ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้”

 ข้อมูลนาฬิกาเพิ่มเติม https://contentserv.rado.com/admin/share/f901ae2e

พบกับเรือนเวลาหรูหลากคอลเลกชั่นประจำปี 2024 จากงาน “Rado Novelties 2024” แบรนด์ ”ราโด” (Rado) นาฬิกาคุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss made ได้ที่ เคาน์เตอร์ Rado ณ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ตัวแทนจำหน่ายและร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการใน Shopee และ Lazada สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.02-610-0284 และ Line Official Account @radothailand

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.