“มิโด” (MIDO) อวดโฉมเรือนเวลาคอลเลกชันใหม่ล่าสุด “Multifort TV Big Date Titanium” ที่โดดเด่นด้วยโทนสีเทาเงินสไตล์โมโนโครมและน้ำหนักเบา ในดีไซน์โมเดิร์นวินเทจ

0
38

สัมผัสนิยามใหม่ของนาฬิกาสไตล์โมโนโครม ที่สะท้อนความหรูหราอย่างร่วมสมัย ผสานความโมเดิร์นกับกลิ่นอายวินเทจได้อย่างลงตัว เมื่อแบรนด์นาฬิกา Swiss made ชื่อดังอย่าง มิโด (MIDO) ได้ประกาศเปิดตัวเรือนเวลาใหม่ในคอลเลกชัน มัลติฟอร์ท ทีวี บิ๊ก เดท ไทเทเนียม (Multifort TV Big Date Titanium) ที่ยังคงเอกลักษณ์หน้าปัดทรงทีวีสุดคลาสสิก เข้ากับการเลือกใช้วัสดุไทเทเนียมที่ให้สัมผัสเบาสบาย แต่ยังคงไว้ซึ่งความแข็งแรงทนทาน พร้อมโทนสีเทาเงินด้วยเทคนิคการทำสีสไตล์โมโนโครมสุดประณีต ที่เติมเต็มความมีสไตล์ให้กับผู้สวมใส่ได้อย่างลงตัว

มิโด (MIDO) แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (GEORGES SCHAEREN) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.SCHAEREN & CO. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชันการใช้งานที่ครบถ้วน 

สำหรับเรือนเวลาดีไซน์ใหม่ล่าสุดจาก มิโด (MIDO) ในคอลเลกชัน มัลติฟอร์ท ทีวี บิ๊ก เดท ไทเทเนียม (Multifort TV Big Date Titanium) นำเสนอรูปลักษณ์ที่โดดเด่นในทุกมิติ ผ่านวัสดุไฮเทคระดับพรีเมียมอย่างไทเทเนียม (Titanium) มาพร้อมหน้าปัดทีวีสุดคลาสสิกที่กลับมาโลดแล่นอีกครั้งเพื่อตอกย้ำความสำเร็จของ มัลติฟอร์ท ทีวี บิ๊ก เดท (Multifort TV Big Date) โดยคอลเลกชั่นนี้มาพร้อมตัวเรือนไทเทเนียมขัดซาตินที่เพิ่มความหรูด้วยการขัดเงาที่ข้อต่อตรงกลาง ตัวสายถูกออกแบบให้เชื่อมต่ออย่างกลมกลืนกับตัวเรือน ด้วยหน้าปัดขนาด 40 มิลลิเมตร โดดเด่นด้วยการไล่เฉดสีเทาเงินในโทนโมโนโครม และตกแต่งด้วยเทคนิคซันเรย์ขัดซาตินพร้อมลายเส้นแนวนอนที่ละเอียดประณีต โดยมีช่องแสดงวันที่ขนาดใหญ่ (Big Date) ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ใช้ตัวเลขสีขาวบนพื้นดำเพื่อให้อ่านค่าได้อย่างชัดเจน และกรอบเบเซิลตกแต่งด้วยการพ่นทรายเพื่อเพิ่มมิติ

ด้านเข็มชั่วโมงและเข็มนาทีถูกเคลือบด้วยนิเกิลสีดำ ขัดเพชรทรงเหลี่ยม พร้อมเคลือบสารเรืองแสงสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) เพื่อการอ่านค่าในที่แสงน้อยหรือยามค่ำคืน ขณะที่เข็มวินาทีถูกขัดเหลี่ยมเพชรเพื่อเพิ่มความเปล่งประกาย และด้านในหน้าปัดได้เสริมขอบแสดงนาที (Flange) เพิ่มความแม่นยำ ส่วนตัวเรือนด้านข้างติดตั้งเม็ดมะยมแบบขันเกลียว และระบบล็อกสายบานพับสลักโลโก้ MIDO ที่มาพร้อมแกนสปริงสำหรับถอดเปลี่ยนสายได้ง่าย และปุ่มกดเพื่อการสวมใส่สบาย ไม่รู้สึกหนักข้อมือ โดยฝาหลังมาในดีไซน์โปร่งใส เผยให้เห็นกลไกคาลิเบอร์ 80 (Caliber 80) ที่ตกแต่งด้วยลวดลาย Côtes de Genève และสลักโลโก้ MIDO พร้อมหมายเลขประจำเรือนอย่างประณีต สะท้อนความเชี่ยวชาญด้านงานฝีมือที่สืบทอดมาตั้งแต่ปี 1918 และครอบด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ เคลือบสารกันการสะท้อนทั้งด้านในและด้านนอกเพื่อความคมชัดในการมองเห็นกลไกภายใน นาฬิกาเรือนนี้สามารถสำรองพลังงานได้นานสูงสุด 80 ชั่วโมง พร้อมบาลานซ์สปริงนิวาครอง (Nivachron™) ที่ช่วยต้านทานสนามแม่เหล็กและแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังรองรับการกันน้ำลึกถึง 10 บาร์ หรือ 100 เมตร

นาฬิกาข้อมือในวันนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องบอกเวลาอีกต่อไป แต่ยังกลายเป็นเครื่องประดับที่สะท้อนตัวตนและสไตล์ของผู้สวมใส่ มิโด (MIDO) จึงได้แนะนำเคล็ดลับการเลือกนาฬิกาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเรียบโก้ ดูดีในทุกโอกาส โดยเฉพาะโทนสีแบบโมโนโครมที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของความหรูหราเหนือกาลเวลา ไม่ว่าจะใส่คู่กับชุดทำงานหรือแมทช์กับลุคแคชชวลในวันสบายๆก็สามารถคอมพลีทได้ทุกลุค นอกจากโทนสีแล้ว วัสดุและน้ำหนักก็เป็นปัจจัยสำคัญ หากมองหานาฬิกาที่สามารถสวมใส่ได้ทุกวัน วัสดุอย่างไทเทเนียมถือเป็นคำตอบที่ลงตัว เพราะให้ความเบาสบายแต่คงทนแข็งแรง ไม่ทำให้รู้สึกหนักข้อมือ ขณะเดียวกันงานออกแบบที่โดดเด่น เช่น หน้าปัดไล่เฉดสี ลายเส้นแนวนอน หรือช่องวันที่ขนาดใหญ่ ยังช่วยเสริมเอกลักษณ์และทำให้นาฬิกาดูน่าสนใจในทุกมุมมอง

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.