เมื่อเอ่ยถึงกลุ่มบริษัท ชาญอิสสระผู้ดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับหัวแถวของประเทศไทยชื่อหนึ่งที่มักจะได้ยินคุ้นหูคงหนีไม่พ้นชื่อของผู้บริหารหนุ่ม
อย่าง “ปลาทู-ดิฐวัฒน์อิสสระ” ผู้รับผิดชอบดูแลโปรเจคอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่หลายแห่งมูลค่านับพันล้านบาทเรียกได้ว่าเขาคนนี้มีส่วนสำคัญในทุกโครงการของกลุ่มธุรกิจในบริษัทมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการล่าสุด “THE ISSARA SATHORN” ลักชัวรี่คอนโดมิเนียม ใจกลางถนนจันทน์-สาทร ซึ่งเป็น Luxury Urbanature ที่เชื่อมต่อความเป็นเมืองและธรรมชาติไว้ด้วยกัน ภายใต้แนวคิด “UNITE ALL SIDES OF YOUR LIFE…ใช้ชีวิตอิสสระ ให้สุดในทุกด้าน” ดิฐวัฒน์ อิสสระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานสร้างสรรค์สื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของกลุ่มชาญอิสสระ กล่าวว่า มีความสนใจงานศิลปะ หลังจากเรียนจบทางด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ จาก Central St. Martins College of Art & Design ได้กลับมาช่วยงานของครอบครัวโดยงานแรกที่รับผิดชอบคือ กราฟิกดีไซเนอร์ ในตำแหน่ง Executive Trainee ต้องรับหน้าที่เป็นกราฟิกดีไซเนอร์คนแรกของบริษัท จนกระทั้ง 10 ปีของการทำงานทำให้มั่นใจว่าสิ่งที่เลือกเรียนมาถูกทางแล้ว เพราะสามารถมองภาพใหญ่ในเชิงการออกแบบ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยที่สามารถทำงานร่วมกับทีมซัพพอร์ทให้ตอบทุกมิติทั้งเชิงดีไซน์และการตลาด จนสร้างความเชื่อมั่นให้กับทีมงาน ผู้บริหารเห็นถึงความมุมานะ ตั้งใจพร้อมซับพอร์ตให้ดูแลโปรเจ๊กต์ที่ใหญ่มาพร้อมกับบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบที่สูงขึ้น“หน้าที่ของผม ก็จะมีงานหลัก และงานอื่น ๆ ซึ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการเรียนรู้งานในบริษัทแทบทุกหน่วยงาน จนมาถึงวันนี้ ผมน่าจะทำมาแล้วมากกว่า 10 โครงการ ทำให้เรามองเห็นแพทเทิร์น ต่างๆมากขึ้น รวมถึงยังทำให้เรารู้ถึงจุดเด่นในแต่ละธุรกิจ และแต่ละโครงการว่าเป็นอย่างไร และจากประสบการณ์ที่สั่งสมกลายเป็นไอเดียมาสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ขึ้นมา จากประสบการณ์ และข้อมูลที่เก็บเกี่ยวมาอย่างยาวนานยังกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราตัดสินใจ และสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นภายในทีมงาน
ตลอดจนสามารถวิเคราะห์ได้ด้วยว่า ธุรกิจที่ทำอยู่ในเวลานั้นๆควรจะเดินไปในทิศทางใด รวมถึงยังเป็นการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับบริษัทอีกด้วย ซึ่งนอกจากประสบการณ์จากการทำงานที่ผ่านมาแล้ว การได้เดินทางท่องเที่ยว ยังเป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่ทำให้ผู้บริหารหนุ่มคนนี้ได้นำสิ่งต่างๆ ที่พบเห็นจากสถานที่ต่างๆ มาปรับใช้กับงาน และโครงการด้วยเหมือนกัน
“ด้วยตัวของผมเรียนทางด้านดีไซน์มา ผมเองยังต้องดูแลรับผิดชอบเรื่องของโครงการต่างๆ กับทางด้านมาร์เก็ตติ้ง การเดินทางที่ทำให้เราได้พบเห็นอะไรมากมาย
ยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผมได้นำสิ่งเหล่านี้ มาผสานกับเนื้องานของชาญอิสสระ ที่มีความเป็นครีเอทีฟเข้ามา โดยเฉพาะการสร้างความแตกต่างให้กับแต่ละโครงการ
เพราะถ้าให้มานั่งทำโครงการแบบเดิมๆ ไปอีก 10 โครงการโดยไม่มีสิ่งใหม่ให้ทำเราก็ไม่ได้คิด แต่โชคดีที่โครงการต่างๆของชาญเครืออิสสระแต่ละโจทย์ไม่เหมือนกันเลย ทั้งเรสซิเดนซ์บ้านเดี่ยว คอนโด ทาวน์โฮม ทำให้เป็นเรื่องที่ท้าทายและสนุกสำหรับงานดีไซน์ ซึ่งผมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ธุรกิจของเราพัฒนาไปเร็วกว่าคนอื่น”
เช่นเดียวกับ โครงการ THE ISSARA SATHORN วันนี้นอกจากเรื่องของการตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพแล้ว “โครงการ THE ISSARA SATHORN ยังเป็นย่านวัฒนธรรมชุมชนที่มีมนต์เสน่ห์รายล้อมไปด้วยสาธารณูปโภคมากมายมีความเป็นเมือง Urban ของย่านธุรกิจที่สำคัญเชื่อมต่อกับความเป็นธรรมชาติ Nature เพราะมีพื้นที่สีเขียวรายล้อม
จึงทำให้บรรยากาศการอยู่อาศัยของย่านนี้เป็นมากกว่าที่พัก ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นไลฟ์สไตล์ที่มีความสอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้อยู่อาศัยในปัจจุบัน ซึ่งตรงกับคอนเซ็ปต์ของโครงการที่ว่า UNITE ALL SIDES OF YOUR LIFE…ใช้ชีวิตอิสสระให้สุดในทุกด้าน”
อีกจุดเด่นสำคัญของโครงการ THE ISSARA SATHORN ทุกยูนิตจะให้ความสำคัญกับขนาดพื้นที่ใช้สอยของห้องที่มีการเพิ่มพื้นที่ในส่วนพลัส มีการออกแบบ Layout ของห้องที่เป็น Flexible Area ช่วยให้ปรับเปลี่ยนการใช้สอยได้ตามความเหมาะสม พร้อม Facilities ที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวและระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด มาพร้อมกับระบบการจอดรถแบบ Auto Parking สถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV) ซึ่งเป็นความใส่ใจของโครงการที่ต้องการให้ผู้อยู่อาศัยได้มีความสะดวกสบายไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่เอง หรือซื้อเพื่อการลงทุน
ดิฐวัฒน์ กล่าวปิดท้ายต่อว่า สำหรับหลักแนวคิดในการทำงานนั้น เราต้องรู้จักใช้คนให้ถูกต้อง ถูกกับลักษณะของงาน ซึ่งก็เหมือนกับการติดกระดุมให้ถูกเม็ดก่อน แล้วงานทุกอย่างก็จะออกมาราบรื่น
THE ISSARA SATHORN ลักชัวรี่คอนโดมิเนียม สูง 37 ชั้น 270 ยูนิต สนใจสามารถเข้าชมห้องตัวอย่างที่ได้ THE ISSARA SATHORN GALLERY ถนนจันทน์ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 02-308-2222
