สุภาณี อนุวงศ์วรเวทย์  “กล้าที่จะก้าวสู่ความสำเร็จ”

0
42

คุณกบ – สุภาณี อนุวงศ์วรเวทย์ ถือเป็นบุคลากรและผู้บริหารระดับสูงแถวหน้าของเมืองไทยในแวดวงไอที เธอเคยดำรงตำแหน่ง CFO ที่ SAP เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากนั้นได้ดำรงตำแหน่ง CFO COO และรองกรรมการผู้จัดการสายงานกลุ่มธุรกิจพันธมิตร บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด และประเทศอื่นๆ ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี ที่รับผิดชอบงานครอบคลุมเกือบทุกสายงานในองค์กรระดับโลก ทำให้เธอตัดสินใจทำธุรกิจส่วนตัว เพื่อสนับสนุนการนำเทคโนโลยีมายกระดับศักยภาพองค์กรและบุคลากร ผ่านการจัดฟอรัมเกี่ยวกับ Empower แม้นี่จะเป็นก้าวแรกที่เพิ่งเริ่มต้น แต่เธอก็ประสบผลอย่างงดงาม

“ดิฉันตัดสินใจออกมาทำธุรกิจส่วนตัว และได้ก่อตั้งบริษัท Novituz ขึ้น เพราะมีความตั้งใจที่อยากจะพัฒนาศักยภาพองค์กร บุคลากรในไทย และประเทศในแถบเอเชีย โดยเราจะมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจ 3 เรื่องหลักคือ AI Innovation, People Transformation และ Sustainability ซึ่งในส่วนของ People Transformation เราได้ทำโปรเจกต์ “EmpowerHER Asia” เกี่ยวกับ “Women Leadership” ซึ่งได้ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำจากสิงคโปร์อย่าง “DigitalNow Asia” และผู้นำจาก STelligence (STEL) และ WeNetwork Asia จัดงานนี้ขึ้นเป็นครั้งแรกในเอเชียที่ประเทศไทย นอกจากนี้งาน EmpowerHER Asia ยังมีโปรเจกต์, แพลตฟอร์ม และฟอรัมที่น่าสนใจที่จะจัดขึ้นอีกหลายโปรเจกต์และในแต่ละปีเราเตรียมแผนไว้แล้ว”

“หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรคือ “คน” ผู้หญิงหลายคนเก่งมากแต่กลับขาดโอกาสที่จะได้ก้าวสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง การที่ดิฉันเติบโตมาในธุรกิจสายไอทีจะเห็นชัดเจนว่า ผู้นำส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย และมีคนไทยน้อยมาก ทำให้สนใจในเรื่อง Empower ซึ่งจะเน้นเรื่อง Leadership Skill ให้กับผู้หญิงในประเทศแถบเอเชีย โดยจะเริ่มต้นโฟกัสในกลุ่มธุรกิจด้านไอทีที่ถนัดเป็นอันดับแรก สิ่งที่เรามุ่งเน้นจะไม่ใช่เรื่องความเท่าเทียมทางเพศ แต่เราจะโฟกัสเรื่อง Leadership Skill เป็นหลัก ว่าจริงๆ เขาต้องการอะไร ขาดแคลนอะไร เราจะสามารถเติมเต็มสิ่งใดให้เขาได้ นี่คือสิ่งที่ดิฉันอยากเข้ามาทำธุรกิจตรงนี้ เพราะอยากให้เกิด Impact ให้กับสังคม และ Community ที่เราอยู่จริงๆ”

“นอกจากนี้ในส่วนของ AI Innovation เราจะมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะด้าน AI กับคนไทยทั่วประเทศ ซึ่งโปรเจกต์ที่ทำขณะนี้ทางโนวีทัซส์ได้ร่วมมือกับไมโครซอฟท์ ประเทศไทย จัดการฝึกอบรมให้กับบุคคลทั่วไป องค์กรต่างๆ และ Developer ไปแล้วกว่า 160,000 คนทั่วประเทศ คนที่เข้าอบรมไม่จำเป็นต้องมีความรู้หรือทักษะถึงขั้น Advance ก็สามารถเข้ามาเรียนรู้กับเราได้ สิ่งที่เราต้องการคืออยากยกระดับความรู้ให้ผู้คนได้อย่างแพร่หลายมากขึ้น หากเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค เรามี Infrastructure ทัดเทียมกับประเทศอื่นๆ แต่ทักษะบุคลากรทางด้านเทคโนโลยีของไทยยังเทียบกับบางประเทศไม่ได้ เมื่อศึกษาก็พบว่าประเทศไทยยังขาดในเรื่องของการ Training ขาดในเรื่องความรู้ และ Skill เรามองเห็นปัญหาและอยากเสริมสร้างศักยภาพและพัฒนาทักษะของคนไทยให้ก้าวไปอีกระดับหนึ่งและมีองค์ความรู้พร้อมในการพัฒนาตนเอง องค์กร และประเทศไทย”

“จุดเริ่มต้นการทำธุรกิจของโนวีทัซส์ไม่ได้โฟกัสเรื่องผลกำไรเป็นหลัก แต่อยากทำธุรกิจที่ช่วยเติมเต็ม และสร้าง Impact ให้กับประเทศ ให้กับคนเพื่อการเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น ปีนี้เราตั้งเป้าในการทำ AI Innovation ซึ่งในการทำ Training เราจะร่วมวางแพลนกับลูกค้า และดูโปรเจกต์แบบองค์รวม ไม่ว่าจะเป็นการทำคอนเทนต์ ผลิตสื่ออย่างคลิปวิดีโอ เพื่อนำไปใช้เผยแพร่ผ่านช่องทางต่างๆ ที่ผ่านมาเราจัดโรดโชว์ตามจังหวัดหัวเมืองใหญ่ ซึ่งมีทั้งนักศึกษา Developer และประชาชนทั่วไปที่สนใจ โดยเราทำ AI Road Show Day ร่วมกับพันธมิตรในพื้นที่ทั้งภาครัฐและเอกชน ให้ความรู้เกี่ยวกับ AI ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงระดับแอดวานซ์ ซึ่งในอนาคตก็จะได้เห็นการจัดงานเกี่ยวกับ AI และการจัด Forum เกี่ยวกับ Empowerment ที่เน้นเรื่อง Leadership Skill มากขึ้น และเราเชื่อว่าธุรกิจของเราจะเติบโตจากการสร้างเครือข่าย และการได้รับความเชื่อถือจากผู้คนที่มีต่อเรา ซึ่งการจัดฟอรัมแต่ละครั้งเราก็จะมีพี่ๆ ที่เป็นผู้บริหารระดับสูง และผู้เชี่ยวชาญที่เป็นพันธมิตรเข้าช่วยให้ความรู้ โดยจะเริ่มต้นเจาะกลุ่มลูกค้าในไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้เรายังมีแพลนที่จะไปเกาหลีและญี่ปุ่นในอนาคต ที่เราเลือกทำตลาดในไทยก่อนเพราะเรามี Role Model เก่งๆ มากมาย ทำให้มองถึงปัญหาและวิธีการแก้ไขได้ชัดเจนมากกว่า”

                “การที่ดิฉันได้ผ่านการทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูงในองค์กรธุรกิจข้ามชาติ ทำให้ได้เรียนรู้เรื่อง Culture และการทำงานในระดับอินเตอร์ ซึ่งก็ต้องขอบคุณไมโครซอฟท์ที่ทำให้เราเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ และหล่อหลอมให้มีวิธีคิดที่เปิดกว้าง ที่ไมโครซอฟท์ทุกคนสามารถนั่งทำงานที่ไหนก็ได้ แต่ยังคงทำงานที่ยึดถือวัฒนธรรมองค์กรและมีเป้าหมายเดียวกัน และทุกคนทำงานได้หลากหลาย เป็น CEO ก็ไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่เพียงด้านบนแล้วมองลงมา แต่สามารถทำงานขั้นพื้นฐานได้ เข้าใจลูกน้องในระดับ Officer และรู้ว่า เราคือทีมที่จะพาองค์กรเดินไปข้างหน้าด้วยกัน พอมาทำบริษัทตัวเอง ดิฉันก็ใช้วิธีการทำงานแบบนี้ มีความเข้าอกเข้าใจและแนะนำทีมแบบเป็นโค้ชของเขา ไม่ใช่สั่งงานอย่างเดียว การเป็น CEO ต้องสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา เช่น การออกพื้นที่ การไปโรดโชว์ ยิ่งทำ ยิ่งสนุก เพราะเราสามารถเข้าถึงคนได้มากขึ้น ได้ยินมุมมองใหม่ๆ ที่ไม่เคยได้ยิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก”

                “ทั้งนี้ การเป็นผู้นำจะต้องมี Growth Mindset และผู้นำที่ดีควรมีวิสัยทัศน์ที่ดี มองให้ไกลและกว้างกว่าคนอื่น มีความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น และสามารถยอมรับในความผิดพลาดของตัวเองและผู้อื่นได้ หลายคนอาจมองว่าดิฉันเป็นพวก Perfectionist ต้องเป๊ะ แต่จริงๆ ส่วนตัวจะเป็นคนยืดหยุ่น รับฟังความคิดเห็นในทุกๆ เรื่อง แต่เวลาทำงาน อยากให้ทุกคนทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ณ เวลานั้น รับผิดชอบงานของตัวเองให้ดีก็พอ ถ้าเราเป๊ะมากๆ เราจะยืดหยุ่นไม่ได้ และสิ่งสำคัญไม่ว่าจะทำอะไร อย่ายึดติดกับความสมบูรณ์แบบ และควรมั่นใจในสิ่งที่ทำ กล้าทำ กล้ารับ กล้าเรียนรู้และพัฒนา มั่นใจในสิ่งที่ทำ อย่าปิดกั้นตัวเอง และทุกวันนี้เรื่องของเทคโนโลยีโดยเฉพาะ AI ก็เป็นเรื่องที่มาแรง ซึ่ง AI ไม่ใช่เป็นกระแส แต่คือเศรษฐกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้น อยากให้คนไทยมอง และใช้ AI อย่างมีจริยธรรม ใช้ AI แบบไม่ละเมิดคนอื่น แต่นำมาช่วยการทำงานให้ง่ายขึ้น ช่วยเพิ่ม Productivity ให้ระยะเวลาทำงานสั้นลง ทำให้เรามีเวลามากขึ้น ได้ไปทำในสิ่งที่ต้องใช้ทักษะให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับตัวเรา กับครอบครัว กับองค์กร นั่นก็คือประโยชน์สูงสุดที่ควรได้รับจากการใช้ AI”

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.