สวยตรึงใจ….กับความงามของธรรมชาติสุดอัศจรรย์ ของหมู่บ้านเล็กๆ ในประเทศ “นอร์เวย์”

    ไม่น่าเชื่อว่ารูปถ่ายเพียงรูปเดียวของเมืองแบร์เกน เมืองท่าที่มีอาคารตั้งเรียงรายอยู่ริมท่าเรือด้วยสีสันสวยสะดุดตา จะเป็นเหตุให้ดั้นด้นเดินทางไกลมาถึง ‘นอร์เวย์’ ดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืน เพียงเพราะอยากมาพิสูจน์ถึงสิ่งที่เราเห็นผ่านทางรูปถ่ายใบนั้นว่าจะสวยงามสักเพียงไหนหากผ่านสายตาตัวเอง

จากกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร เครื่องบินลำใหญ่พาเราเหินฟ้าบินยาวจนมาถึงสนามบินกรุงออสโล เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ พอออกจากสนามบินเรามุ่งตรงสู่ท่าเรือเมืองกู๊ดวานเก้น (Gudvangen) หมู่บ้านท่องเที่ยวเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในเขตซองน์อ็อกฟยอร์ดาเน ฟยอร์ดที่มีความยาวจากมหาสมุทรเข้าสู่แผ่นดินใหญ่ไกลถึง 204 กิโลเมตร กู๊ดวานเก้นนั้นเป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีประชากรอาศัยอยู่เพียงแค่หลักร้อยเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นเป้าหมายหลักที่นักท่องเที่ยวจะต้องแวะเวียนมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากในแต่ละปี

เพลิดเพลินไปกับการล่องเรือชื่นชมความงามสุดมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะแผ่นดินของธารน้ำแข็งเมื่อหลายล้านปีก่อน จนมีลักษณะเว้าแหว่งเข้ามาในแผ่นดินเป็นธรรมชาติที่มีความงดงามเป็นอย่างมาก และพอเรือเทียบท่าที่เมืองฟลัม ดินแดนแห่งเขตชายฝั่งทะเลแบบฟยอร์ด เราก็ได้เห็นถึงความสวยงามสุดอัศจรรย์ของธรรมชาติเหล่านั้น ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง คุณจะไม่มีวันเชื่อเลยว่านี่คือธรรมชาติสุดอัศจรรย์ ความพิเศษไม่ได้หยุดอยู่แค่ดินแดนแห่งเขตชายฝั่งทะเลแบบ ฟยอร์ด เมื่อเรานั่งรถไฟสายโรแมนติกฟลัมส์บานา (Flamsbana) เส้นทางรถไฟสายโรแมนติกที่มีชื่อเสียงของนอร์เวย์ ระหว่างทางยังได้ชื่นชมกับธรรมชาติอันสวยงาม ความงามของหุบเขา ทะเลสาบ น้ำตกสูง Kjosfossen ที่สวยงาม ซึ่งเกิดจากการละลายของหิมะ รถไฟสายโรแมนติกนี้จะพาลอดอุโมงค์ระหว่างทางซึ่งมีมากถึง 20 แห่ง โดย 18 แห่งเกิดจากการใช้แรงงานคนขุดล้วนๆ จนกระทั่งถึงสถานีเมืองไมร์ดาล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายโรแมนติกฟลัมส์บานา โดยสถานีไมร์ดาลแห่งนี้อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 867 เมตร

ก่อนจะเปลี่ยนขบวนรถไฟเดินทางสู่เมืองวอส อีกเมือง สกีรีสอร์ตแสนสวยของประเทศนอร์เวย์ เมืองน่ารักริมทะเลสาบที่ซึ่งล้นเกล้าล้นกระหม่อม รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จมาประทับเมื่อครั้งเสด็จประพาสยุโรปในปี 1907 โดยมีลายพระหัตถ์ของรัชกาลที่ 5 พร้อมทั้งลายเซ็นของคณะผู้ตามเสด็จในครั้งนั้น ใส่กรอบแสดงไว้ที่ล็อบบี้ชั้น 2 ของ Fleischer’s Hotel Voss และในที่สุดเราก็มาถึงเมืองในรูปถ่ายที่พาเรามาถึงเมืองแบร์เกน เมืองหลวงแห่งศิลปวัฒนธรรม เมืองใหญ่อันดับ 2 ของนอร์เวย์ ออกไปทางชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ และเมืองหลวงเก่าแก่แห่งฟยอร์ดของประเทศนอร์เวย์ อีกทั้งยังเป็นเมืองมรดกโลก โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกด้วย และเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศในปี ค.ศ.1217 ก่อนจะย้ายไปยังกรุงออสโลในปี ค.ศ.1299

และถือเป็นอีกหนึ่งวันที่แสนโชคดีของเราในวันที่อากาศสดใสจึงทำให้เราได้เห็นทัศนียภาพที่งดงามดุจภาพวาดของเมืองแห่งนี้ ความสวยงามของอาคารเก่าแก่อายุราว 300 ปี ที่ตั้งเรียงรายอยู่บริเวณท่าเรือเก่าแก่ ซึ่งอาคารเหล่านี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ประกอบด้วยห้องแถวสูงประมาณ 2-3 ชั้นที่สร้างด้วยไม้ ทาสีขาว แดง เหลือง และเขียว จั่วหน้าสามเหลี่ยม มีเสน่ห์น่ารัก หน้าบ้านมักจะตกแต่งด้วยไม้แกะสลักเป็นรูปหัวกวางหรือม้ามังกร และรูปตุ๊กตาต่างๆ ซึ่งได้รับการอนุรักษ์และดูแลรักษาไว้อย่างดี จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกด้านวัฒนธรรมจากองค์การยูเนสโก จากนั้นจึงเดินทางตามรอยเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สู่เมืองสตัลไฮม์ (Stalheim) เมืองแสนสวย แห่งหุบเขา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ชมความงดงามของทัศนียภาพท่ามกลางฟยอร์ดและหมู่ขุนเขา เพื่อเข้าสู่เมืองเกโล (Geilo) อีกครั้งหนึ่งในเมืองสกีรีสอร์ตยอดนิยมในเขต ภูมิภาคของฟยอร์ดนอร์เวย์ ที่ตั้งอยู่บนเขาท่ามกลางความสดใสของธรรมชาติ

และเดินทางสู่กรุงออสโล นครหลวงแห่งราชอาณาจักรนอร์เวย์ นครหลวงแสนสวยริมชายฝั่งทะเลออสโลฟยอร์ด ที่มีบรรยากาศงดงามด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยที่มีอยู่มากมาย สร้างทัศนียภาพที่งดงามเกินบรรยาย เป็นที่ตั้งของทำเนียบรัฐบาล, พระบรมมหาราชวัง, อาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี อาทิ National Theatre, อาคารรัฐสภา และศาลาเทศบาลเมืองเก่า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองย่านเอเคอร์บรูค (Aker Brygge) และที่ตั้งของศาลาว่าการ City Hall แนวอาร์ตเดโค สถาปัตยกรรมที่ดูทันสมัย ประดับไปด้วยน้ำพุ สวน และประติมากรรมเติมแต่งให้ดูกลมกลืนใกล้กันเป็น The Nobel Peace Centre สถานที่ ที่มีการจัดแสดงเกี่ยวกับผู้ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ และไกลออกไปคือ โรงโอเปร่า ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยแนวคิดสถาปัตยกรรมร่วมสมัย

สั่งจองนิตยสาร Howe โดยไม่ต้องรอหาตามแผงสั่งได้ที่
Line : Howemagazine
Fanpage : Howemagazine
รายละเอียดการสั่ง (คลิ๊ก)

อ่านนิตยสาร Howe Magazine ออนไลน์ได้ที่