THE BEST CEO 2024 (INNOVATIVE CEO) “วิทัย รัตนากร” ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน ชัดเจนในเป้าหมาย มุ่งมั่นในสิ่งที่ทำ

0
493

หลังจากเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ตั้งแต่ปี 2563 กระทั่งปัจจุบัน สิ่งที่คุณวิทัย รัตนากร ยังคงยึดมั่นเสมอก็คือ การชูบทบาทธนาคารออมสินให้เป็น Social Bank หรือธนาคารเพื่อสังคม เพื่อช่วยคน ช่วยสังคม โดยเฉพาะปัญหาหนี้สินและภาระดอกเบี้ยให้กับประชาชนฐานรากที่แทบจะไม่มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อ ในระบบ บริการใหม่ๆ และการช่วยให้ไม่เป็นหนี้ NPLs หรือมีประวัติผิดนัดชำระ โดยที่ผ่านมาสามารถช่วยเหลือผู้คนหลายล้านคนให้มีโอกาสทางการเงิน และสร้างชีวิตใหม่จากโครงการของธนาคารออมสิน ในขณะที่ตัวองค์กรก็สร้างกำไรและสามารถนำส่งรายได้ให้รัฐติดอันดับ Top 3 แทบทุกปี ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจ และมั่นใจว่าวันนี้ได้เดินมาถูกเส้นทางแล้ว

“สิ่งหนึ่งที่เรายึดมั่นตั้งแต่เริ่มต้นวางจุดยืนกลยุทธ์ของธนาคารใหม่ให้เป็นธนาคารเพื่อสังคม (Social Bank) ปรับการทำ CSR : Corporate Social Responsibility เป็น CSV : Creating Shared Value ซึ่งเป็นแนวคิดที่ธนาคารออมสินกำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ การทำธุรกิจที่นำปัจจัยทางสังคมหรือสิ่งแวดล้อม ปรับเข้ามาสู่การทำธุรกิจ ‘สร้าง Value สร้างกำไร และสร้างรายได้ให้สูงขึ้น’ และเอากำไรมาช่วยสังคมเพื่อให้ดีขึ้น ซึ่งแนวคิดนี้จะทำให้ธุรกิจ และสังคมเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน”

“ธนาคารออมสินได้เอาเนื้อในการช่วยเหลือสังคมมาสร้างธุรกิจ ทำให้เกิดธุรกิจใหม่ขึ้นมา เกิดเป็น CSV ธุรกิจเก่าก็เหมือนต้นไม้ใหญ่ เราลดดอกเบี้ยได้ประมาณหนึ่งเพราะเป็นต้นไม้ใหญ่ เราใช้วิธีลดต้นทุนเอากำไรมาช่วยคน แล้วก็สร้างธุรกิจใหม่เหมือนต้นไม้เล็ก โดยธนาคารออมสินเข้าไปทำธุรกิจจำนำทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ ลดดอกเบี้ย 10% จากตลาดปล่อยสินเชื่อ ช่วยคนเข้าถึงดอกเบี้ยที่เป็นธรรม 2.3 ล้านคน ดอกเบี้ยทั้งตลาดลดลงทันที คนฐานรากได้ประโยชน์ไป เรากำไรมากขึ้น เราทำสินเชื่อ ที่ดินช่วย SMEs เรื่องของการขายฝาก เรากำลังทำ Non-Bank ลดดอกเบี้ยให้ต่ำกว่าตลาดประมาณ 3 – 5%”

“ล่าสุด ภายใต้นโยบายแก้หนี้ทั้งระบบของรัฐ ธนาคารได้ร่วมทุนกับ บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM จัดตั้ง บริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด : ARI-AMC มีวัตถุประสงค์หลักเป็นธุรกิจเพื่อสังคม โดยมีกำไรในระดับที่เหมาะสมเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ ทั้งที่เป็น NPLs และ NPA ได้เข้ากระบวนการปรับโครงสร้างหนี้หรือไกล่เกลี่ยหนี้ มีโอกาสหลุดพ้นจากการเป็นผู้เสียประวัติทางเครดิตได้เร็วขึ้น กลับมาเป็นสถานะหนี้ผ่อนปกติหรือหนี้ปิดบัญชีจะทำให้สามารถเข้าถึง สินเชื่อในระบบได้ในอนาคต และลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบได้ ในเบื้องต้นจะสามารถช่วยลูกหนี้ของออมสินกว่า 500,000 บัญชี รวมมูลหนี้กว่า 45,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มรับซื้อ-รับโอนหนี้ก้อนแรกกว่า 1 หมื่นล้านบาทในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ทั้งหมดนี้จะส่งผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมให้มีเสถียรภาพ และช่วยลดปัญหาหนี้ครัวเรือนให้กับประเทศได้อย่างยั่งยืนต่อไป”

“สำหรับบทบาทของภาคการเงินในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจที่เป็น มิตรกับสิ่งแวดล้อม ในการขับเคลื่อนสู่ Net Zero ในปี 2050 ผ่านการให้สินเชื่อและการลงทุน รวมถึงการลดดอกเบี้ย อาทิ สินเชื่อ Green Products ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม รายย่อย SMEs และธุรกิจขนาดใหญ่ มีการปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 80,000 ล้านบาท รวมถึงสนับสนุนการจัดจำหน่าย ESG Bond วงเงินรวมกว่า 50,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเป็นธนาคารแรกที่นำเอา ESG Score มาประกอบการพิจารณาปล่อยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่โดยได้อนุมัติโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน พร้อมเงื่อนไขพิเศษลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับกิจการที่มีคะแนน ESG ดี มีการทำธุรกิจอย่างใส่ใจและคำนึงถึงสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งที่ผ่านมาได้ปล่อยสินเชื่อผ่าน ESG Score ไปแล้วมากกว่า 128,000 ล้านบาท”

คุณวิทัยกล่าวต่อไปว่า “การที่ผมวางนโยบายให้ธนาคารออมสินเป็น Social Bank ถือว่าเป็นนโยบายที่เหมาะสม ในฐานะ ที่ออมสินเป็นธนาคารรัฐที่ไม่ได้ต้องการแค่ กำไร แต่เรายังมีเป้าหมายที่ต้องการช่วยเหลือสังคม ที่ผ่านมาออมสินสร้างรายได้และนำส่งคืนคลังติดอันดับ Top 3 ในขณะเดียวกันเราก็มีตัวเลขกลุ่มลูกค้าที่เราเข้าไปช่วยเหลือหลายล้านคน รวมทั้งยังมีโครงการช่วยเหลือสังคมโดยไม่หวัง ผลกำไรมากมาย สิ่งเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่ผมภาคภูมิใจ รางวัลที่ผมได้รับถือเป็นเครื่องตอกย้ำว่าเราเดินมาถูกทาง ผมมุ่งมั่นตั้งแต่เริ่มที่จะให้ออมสินเป็น Social Bank ระหว่าง ทางเราอาจจะปรับกลยุทธ์ตามความเหมาะสม แต่เป้าหมายและทิศทางเรายังชัดเจน ธนาคารออมสินมียุทธศาสตร์การขับเคลื่อ ภารกิจธนาคารเพื่อสังคม (Social Mission Integration) หลายโครงการ และมีโครงการใหม่เพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ในขณะเดียวกัน ทุกอย่างต้องมีผลลัพธ์ ต้องเป็น Positive Impact”

“ผมเป็นคนชัดเจนในการทำงาน มีคนถามผมว่ามีใครเป็นไอดอล ผมจะตอบทุกครั้ง ว่าไม่มีครับ ผมไม่เคยวาง Mission ไม่มี Vision มีแค่เป้าหมาย และทิศทางที่ชัดเจน ทำงานเพื่อสร้างผลลัพธ์ และสร้างโอกาสให้กับผู้คน ผมไม่ยึดติดกับตำแหน่ง การได้โอกาสเป็น CEO ที่ออมสินคือความภาคภูมิใจ เพราะงานที่รับผิดชอบไม่ได้มีเป้าหมายแค่สร้างรายได้ และพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น แต่วันนี้ธนาคารออมสินยังเป็นหน่วยงานธุรกิจที่มีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือผู้คนระดับฐานรากให้มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อ ช่วยสร้างเครดิตใหม่ให้กับลูกค้า ให้ลูกหนี้กลับมาสู่ระบบได้นับล้านคน เพื่อให้หลุดพ้นจากหนี้ และกลับมามีเครดิตที่ดีอีกครั้ง”

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.