“คุณพิภพ โชควัฒนา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิวซิตี้ (กรุงเทพฯ) จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มเลกแวร์ และชุดชั้นใน ภายใต้แบรนด์เชอรีล่อน ทายาทรุ่นที่ 3 มากความสามารถแห่งเครือสหพัฒน์ เขาเล่าให้ฟังว่า งานหลักตอนนี้จะดูแบรนด์เชอรีล่อนเป็นหลัก ซึ่งการทำธุรกิจจะอาศัยนวัตกรรม และการขยายไลน์สินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด ซึ่งหัวใจการทำงานที่เขายึดมั่นมาตลอดก็คือ สหพัฒน์ culture ที่ยึดมั่นตาม “คุณปู่ – คุณเทียม โชควัฒนา” ที่ให้ทำดี ถือความซื่อสัตย์ ขยัน อดทน ตามคำสอนที่ว่า “เกิดเป็นคนเงยหน้าต้องไม่อายฟ้า ก้มหน้าต้องไม่อายดิน คนเราเกิดมาอย่ามุ่งแต่หาประโยชน์ใส่ตน จนกลายเป็นคนเอาเปรียบสังคม หรือเบียดเบียนธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริหารทุกคนภาคภูมิใจ”
“ธุรกิจของเราในปีนี้อยู่ในตลาดครบรอบ 60 ปี ซึ่งกับแบรนด์เชอรีล่อนผมรับผิดชอบร่วมกับคุณพ่อ โดยจะเน้นการทำตลาดสินค้าให้มีความหลากหลาย ทั้งถุงน่อง กลุ่มอินเนอร์แวร์ หรือชุดชั้นในแบบไร้รอยต่อ เสื้อบังทรง กางเกงชั้นในชาย ซึ่งการที่เรามีโรงงานผลิตเป็นของเราเอง ทำให้เราสามารถผลิตสินค้าที่มีความหลากหลายและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ เราใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในการผลิต เชอรีล่อนเองผลิตถุงน่องในตลาดมาราวๆ 50 ปี ทำให้เรามีความรู้ด้าน circular knitting machine ที่ผลิตถุงน่องให้เหมาะกับคนไทย ด้วยความรู้ที่มีทำให้เราผลิตกางเกงในยกสะโพก ออกสู่ตลาดก่อนยุโรป ด้วยการดัดแปลง ปรับปรุง ให้เหมาะสมกับสรีระของคนไทย”
“ผมมองว่าการทำธุรกิจ เรื่องของนวัตกรรมนั้นถือเป็นส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่ง ยุคปัจจุบันนี้เป็นเรื่องของการทำตลาดแบบ 4C Marketing คือ ส่วนประสมการตลาดที่คิดจากมุมมองของลูกค้า ซึ่งพัฒนาขึ้นมาจากหลักการทำตลาด 4P (Product, Price, Place และ Promotion) เพื่อที่จะนำมาใช้วิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภค และนำไปต่อยอดในการพัฒนาธุรกิจได้ ประกอบด้วย Consumer, Cost, Convenience และ Communication ซึ่งการทำตลาดในปัจจุบันไม่ใช่สำคัญแค่เรื่องหน้าบ้าน เรื่องหลังบ้านอย่าง shipping และช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งแบบ Traditional ช่องทางออนไลน์ และยังมีเรื่องการทำตลาดผ่าน social media การทำตลาดอีคอมเมิร์ซให้ประสบผลสำเร็จ จะต้องมี platform มี logistic ที่ดี และ payment ก็มีวิธีการที่หลากหลาย และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ซึ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนตามพฤติกรรมผู้บริโภค และเราจะ Adapt ธุรกิจต่อไปอย่างไรบ้าง ก็จะต้องเตรียมความพร้อมไว้”
“สิ่งสำคัญที่สุดในการทำธุรกิจในปัจจุบัน ก็คือการปรับตัวและการยอมรับผมเห็นว่าการทำงานของ Gen หนึ่ง กับอีก Gen หนึ่งอาจมีปัญหาเรื่องความคิดเห็น ซึ่งจริงๆ ทั้งสอง Gen ก็อาจจะมองไปในทิศทางเดียวกัน แต่แค่วิธีหรือหลักการบางอย่างอาจไม่ตรงกัน ซึ่งทางออกก็คือการถอยคนละก้าว เพื่อมองหาทิศทาง แล้วเราจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ สำหรับธุรกิจของนิวซิตี้ ผมเป็น Gen ที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงของการต่อยอดธุรกิจ ซึ่งหากมองบริษัทในเครือของเราทั้งหมด จะเห็นว่ามีหลาย Gen ที่เข้ามาบริหารงานในแต่ละส่วน เพราะสินค้าในเครือเรามีหลากหลายมากๆ ซึ่งตอนนี้ธุรกิจส่วนใหญ่ทายาทรุ่นที่ 2 จะดูแลก่อนจะส่ง Gen ต่อไป สมัยนี้เด็กรุ่นใหม่มีประสบการณ์จากการลงมือทำจริง เพราะโอกาสเข้าถึงได้ง่าย ฉะนั้นก็แค่ปล่อยให้เขาลอง แล้วเราจะได้ผู้บริหารรุ่นใหม่ๆ ที่มีความสามารถ”
“ผมทำงานมานานมาก แต่ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเอง Success ผมว่าการเป็น ‘น้ำไม่เต็มแก้ว’ น่าจะดีกว่า ถ้าวันนี้รู้สึกว่าเรา Success แล้ว คิดว่าปล่อยให้คนอื่นมาทำงานต่อดีกว่า (หัวเราะ) ถ้าไม่รู้สึก obsess ผมว่ามันไปต่อไม่ได้ เราต้องอยากทำงาน อยากพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ถ้าถามผมว่ามีสไตล์การทำงานแบบไหน ผมว่านี่ไม่ใช่ culture ความเป็นสหพัฒน์ สิ่งที่ส่งต่อกันมาและเป็นพื้นฐานการทำงานของเราคือ ‘ความซื่อสัตย์’ ‘ความยุติธรรม’ และ ‘ไม่เอาเปรียบคนอื่น’ ฉะนั้นทุกคนจะบริหารแบบไหน ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน เพียงแต่งานที่รับผิดชอบจะสร้างโอกาส หรือต้องมีหน้าที่แก้ไขปัญหายามมีวิกฤติได้อย่างไรมากกว่า และนอกเหนือจากวางแผนทำธุรกิจให้เติบโต เราก็ต้องช่วยเหลือสังคม วันที่บ้านเมืองเกิดวิกฤติ ชาวบ้านอยากได้การช่วยเหลือ เราก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่เข้าไปช่วยชาวบ้าน เพราะทุกคนก็คือลูกค้า สิ่งที่เราทำไม่ใช่เพื่อสร้าง Value แต่เพราะเขาจำเป็นต้องมีเรา ผมเชื่อว่าผู้บริหารในเครือสหพัฒน์ทุกคนจะภาคภูมิใจ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ ที่ได้มาสืบทอดธุรกิจให้ยืนยาวต่อไป”