จุดเริ่มต้นของคุณกวาง-รติชา แพงทรัพย์ FOUNDER และ CEO แบรนด์ GIMMICK ที่เดินเข้าสู่ธุรกิจอาหารเสริมและสกินแคร์ จากแม่ค้าออนไลน์ สู่นักธุรกิจร้อยล้าน แม้หนทางเดินในระยะแรกจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ด้วยความมานะและมั่นใจในคุณภาพของสินค้า ทำให้เธอสามารถพาแบรนด์ “กิมมิค” ทะยานขึ้นสู่ความเป็นผู้นำตลาดได้อย่างสวยสด และเติบโตงดงาม
“จุดเริ่มต้นการทำธุรกิจมาจากการที่กวางเป็นแม่ค้าอาหารเสริม พอขายมาได้ระยะหนึ่งก็อยากทำสินค้าเป็นแบรนด์ของตัวเอง เพราะเราอยากได้สินค้าที่มีส่วนผสมที่เราอยากได้ ซึ่งกวางสะสมประสบการณ์จากการขายสินค้ามา4-5 ปี สินค้าตัวแรกของกิมมิคคือ ‘คอลลาเจน สมูทตี้ โยเกิร์ต’ ซึ่งตอนที่ทำตลาดครั้งแรกก็ต้องยอมรับว่ายอดขายดี แต่ไม่ได้เปรี้ยงปร้างอย่างที่คาดหวังไว้ เมื่อ 7 -8 ปีที่แล้วธุรกิจอออนไลน์และสื่อโซเซียลยังไม่บูมเหมือนปัจจุบันนี้ การทำตลาดก็เน้นขายผ่านตัวแทนจำหน่าย พอเราไม่ได้ทำการตลาดอย่างต่อเนื่องยอดขายก็ลดลง พอยอดขายลด กำลังใจก็ลดตามไปด้วย ก็รู้สึก Fail พอสมควร เลยหยุดทำตลาดไปประมาณหนึ่งปี แต่พอกลับมามองสินค้าของตัวเอง มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีมาก เราเองก็กินมันทุกวัน ทำไมจะทิ้งมันเลย เราเองก็ไม่อยากเสียมันไป ก็เลยยึดกลับมาทำใหม่อีกครั้ง เปลี่ยนโฉม ปรับแผนการตลาด วางกลยุทธ์ใหม่ เปิดรับตัวแทนใหม่ทั้งหมด จนแบรนด์กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งหนึ่ง”
“หลังจากที่ทำคอลลาเจนประสบความสำเร็จก็มีคนเรียกร้องให้ออกผลิตภัณฑ์ skin Care ออกมาบ้าง เพราะยังมีลูกค้าที่ต้องการสินค้าในตลาดนี้ กวางก็เลยทำสินค้าสกินแคร์ ซึ่ง
ตัวที่คนรู้จักเราก็คือ ‘ครีมไข่มุกเกาหลี’ ซึ่งดังมาก และเป็นที่รู้จักของกลุ่มลูกค้าเร็วมาก หลังจากนั้นก็ได้ออกผลิตภัณฑ์กันแดด และเซรั่มบำรุงผิว ซึ่งผลิตภัณฑ์ทุกตัวของกิมมิคจะใช้ของคุณภาพดีอย่างคอลลาเจนก็จะเน้นทานแล้วขาวกระจ่างใสเร็วและดี ส่วนครีมไข่มุกเกาหลีคือปังมาก เพราะลูกค้าใช้แล้วเห็นผลไว ผิวหน้าขาวกระจ่างใสจริง ใครที่มีปัญหาผิวหน้าทุกรูปแบบสามารถปรับสภาพผิวหน้าให้ดีขึ้นได้จริงๆ กันแดดก็เน้นทั้งปกป้องและบำรุงในไปในตัว ส่วนเซรั่มผลิตภัณฑ์น้องใหม่ล่าสุดก็ได้รับความนิยม เพราะเราเน้นเรื่องของส่วนผสมสารสกัดที่ได้รางวัลระดับโลกเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ซึ่งผู้ใช้จะได้ผิวที่ชุ่มชื้น ผิวตึงแน่นกระชับ หน้าเด็ก โดยผลิตภัณฑ์เราใช้ได้ผลจริงและปลอดภัยลูกค้าจึงยอมรับในคุณภาพ”
“ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าการแข่งขันในตลาดสูงมาก กลยุทธ์ในการทำตลาดของกิมมิคจะเน้นการดูแลลูกค้า และบริการหลังการขาย รวมทั้งเน้นการดูแลระบบหลังบ้าน การสร้างโปรโมชันที่ดี และมีราคาที่ดี มีของแถมที่คุ้มค่า ซึ่งทางแบรนด์ก็จะมีการจัดกิจกรรมแบบนี้แทบทุกเดือน เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ และรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้”
“อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าปัจจุบันสื่อโซเขียลมีเดียมีความสำคัญต่อการทำธุรกิจมาก เมื่อก่อนกิมมิคทำตลาดผ่านระบบออฟไลน์ ซึ่งจะขายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น แต่พอเราทำการตลาดผ่านโซเขียล ซึ่งเป็นระบบออนไลน์ เราก็มีช่องทางการทำการตลาดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น TlkTok, Facebook และ Instagram ซึ่งทำให้ขยายฐานลูกค้าได้กว้างมากขึ้น ทำให้คนเห็นสินค้าเราได้มากยิ่งขึ้น”
“ทั้งนี้ ในส่วนแผนการทำตลาดของกิมมิคในปีหน้าก็ยังคงเน้นทำตลาดผลิตภัณฑ์เดิมเป็นหลัก ส่วนผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ออกสู่ตลาดตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการพัฒนาอยู่ค่ะ เราต้องทดลองผลิตภัณฑ์เป็นปีกว่าจะวางสู่ตลาดได้ ซึ่งปีหน้าก็จะได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของกิมมิควางตลาด แต่ขออุบไว้ก่อนว่าจะเป็นอะไร”
“ถ้าให้กวางนิยามความเป็นตัวตนของผู้หญิงที่ชื่อ รติชา แพงทรัพย์
คงเป็นผู้หญิงที่ทำอะไรแล้วต้องทำสิ่งที่ดีที่สุด ถ้าไม่ดีคือจะไม่ทำ”
“กวางมองว่าการทำธุรกิจอาหารเสริมและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสนุกอย่างไร กวางว่ามันเป็นธุรกิจที่ท้าทาย ความสนุกของกวางคือความท้าทายตัวเอง ตอนนี้สกินแคร์มีอยู่หลายพันแบรนด์ ฉะนั้นถ้าเราหยุดนิ่ง ถ้าเราไม่ค้นหาความต่าง เราจะไม่สามารถเติบโตได้ เราต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ต้องทำการตลาด และจัดกิจกรรมโปรโมชันตลอดเวลา ส่วนหลักการบริหารงานสไตล์กวางจะเน้นการบริหารงานแบบครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นตัวแทน หรือลูกน้องในออฟฟิศ ทุกคนที่ทำงานร่วมกับกวางจะต้องมีความสุข ทุกคนที่ทำงานด้วยจะมีความสุข สนุกกับการทำงาน ทุกคนที่ทำงานกับกวางจะได้รับการดูแลที่ดีมากๆ เพราะกวางจะให้ความสำคัญกับบุคลากรในองค์กรมากๆ”
“ถ้าให้กวางนิยามความเป็นตัวตนของผู้หญิงที่ชื่อ รติชา แพงทรัพย์ คงเป็นผู้หญิงที่ทำอะไรแล้วต้องทำสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะทำอะไรทุกอย่างจะต้องดีที่สุด ถ้าไม่ดีคือจะไม่ทำ ถ้าเห็นหน้ากวางเชื่อมั่นได้ว่าทุกอย่างที่ทำคือต้องดีที่สุดเท่านั้น ทุกวันนี้การทำธุรกิจของกิมมิคถือว่าประสบความสำเร็จ มีลูกค้าประจำและกลับมาซื้อซ้ำเยอะมาก ซึ่งนี่มีผลทำให้ธุรกิจของกวางโตเร็วมาก แค่ในปีแรกที่ทำสกินแคร์ก็มียอดขาย 300 ล้านบาท ปีต่อๆ มาก็มียอดขายเติบโตขึ้นปีละหลายสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆ”
