แม้จะเกิดวิกฤติการระบาดของโรคโควิด-19 จนทำให้ธุรกิจมากมายต่างชะลอตัว แต่คุณดาร์ลิ่ง หรือ คุณดาริณ พันธุศักดิ์ นักธุรกิจสาวสวยที่ทำธุรกิจมากมาย ซึ่งปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งเป็นรองประธาน กลุ่มพีทีเอส โฮลดิ้งกรุ๊ป ซึ่งเป็นธุรกิจกงสีทำกับครอบครัว ได้แก่ ธุรกิจทิฟฟานีโชว์ พัทยา วู้ดแลนด์ รีสอร์ท แอนด์ โฮเต็ล ธุรกิจร้านอาหารและคาเฟ่อย่างร้าน LA BAGUETTE ร้าน LA FERME และพัทยาสปอร์ตบาร์ซาร์ กลับประสบความสำเร็จอย่างงดงามในหลายธุรกิจโดยเป็นเบื้องหลัง ด้วยเธอเป็นคนที่ไม่หยุดนิ่งและรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลง
“ปัจจุบันดาร์ลิ่งบริหารงานด้านนโยบาย บัญชีการเงินของบริษัททั้งหมด ซึ่งสามปีในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต้องยอมรับว่าเป็นประสบการณ์ที่สอนให้เราต้องเรียนรู้ รู้จักปรับตัว และมองโลกแบบเข้าใจ ธุรกิจที่ทำมายี่สิบกว่าปีในช่วงพริบตาเดียวก็ได้รับผลกระทบ คนที่เก่งในการปรับตัวจะแก้ไขปัญหาได้ ไม่จำเป็นต้องรู้ลึกทุกเรื่อง แต่ต้องรอบรู้ เมื่อรู้แล้วต้องมาวิเคราะห์และรีบปรับตัวเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบัน อย่าไปยึดติดแต่ต้องสู้และรอบคอบ การเข้าสู่โลก New Normal เข้าสู่ยุคที่ Extravaganza ทำไม่ได้อีกต่อไป เราก็ต้องเดินสายกลางแบบโต้คลื่นไป”
“สำหรับธุรกิจที่ดิฉันทำส่วนตัวในช่วงโควิด ได้แก่ ธุรกิจด้านอสังหาฯ ในเขต EEC ธุรกิจการศึกษานอกระบบ และในปีหน้าก็จะเริ่มดำเนินการธุรกิจใหม่กับพาร์ตเนอร์ คือ คาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นโครงการลดก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อม ซึ่งต่อไปเทรนด์การซื้อขายตลาดคาร์บอนเครดิตจะเติบโตสูงถึง 15 เท่าในช่วง 10 ปีข้างหน้า เรามีผู้เชี่ยวชาญที่ทำในต่างประเทศและได้การเคลมว่ามีคุณภาพสูง รวมทั้งจะเริ่มทำธุรกิจนำนวัตกรรมเปลี่ยนน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืดที่สามารถใช้บริโภคได้ค่ะ ซึ่งเราจะเดินหน้าทำธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น”
“ต้องยอมรับว่าการที่เกิดการระบาดของโรคโควิดทำให้ธุรกิจเราได้รับผลกระทบ แต่เราก็ต้องสู้ค่ะ มองไปยังอนาคตระหว่างทางก็ใช้กลยุทธ์ สู้ ซ่อม สร้าง’ ให้กำลังใจลูกน้อง
วางแผนระยะสั้น และแผนระยะยาว เราไม่ได้ตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเงินอย่างเดียว เราไม่ทิ้งทิฟฟานี่โชว์ เพราะทิฟฟานี่โชว์ของเราเป็นโชว์ Transgender Cabaret ที่ติด 1 ใน 10 โชว์ที่ดีที่สุดของโลกที่ทุกคนต้องมาดู มันคือความภาคภูมิใจ และเป็นผลงานของทีมงานทุกคน การทำงานของเรายึดหลักทีมเวิร์กไม่ได้ทำงานคนเดียว เราไม่สามารถเคลมว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นของตัวเราเอง แต่ความสำเร็จที่ได้คือสิ่งที่เกิดจากทุกคนร่วมมือกัน”
“การทำงานร่วมกันเป็นทีมเวิร์ก ตัวดิฉันเองเคยทำงานเป้นลูกน้องในบริษัทการเงินชั้นนำมาก่อน จึงเข้าใจดีว่าการที่บริหารคนในองค์กรขนาดใดก็ตาม ต่อให้มีระบบระเบียบแค่ไหน ผู้นำก็ยังเป็นคนสำคัญที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ รวมทั้งใส่ใจดูแลลูกน้อง ไม่ใช่จะใช้ระเบียบอย่างเดียวให้เกิด Productivity ให้เป็นไปตามที่คาดหวังได้ เพราะมนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักร ฉะนั้นการบริหารเราจะใช้ Dictatorship ต้องให้อิสรภาพทางความคิดในการนำเสนองาน การแสดงออก อย่าง Netfix และสื่อออนไลน์ ก็เป็นช่องทางหนึ่งในการพัฒนาเพื่อเข้าไปสู่ Platform ใหม่ๆ เพราะโลกกำลังจะก้าวไปสู่ยุค Metaverse คนจะหางานยากขึ้น หลายงานจะถูกทดแทนด้วยหุ่นยนต์ คนที่ถูกเลือกจะต้องมี Creafivity ในการพัฒนางาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุ่นยนต์ทำไม่ได้”
“ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่ยากที่สุดในการบริหารธุรกิจคือเรื่อง ‘คน’ ความท้าทายที่สุดที่ต้องหาคนเก่งที่มีทัศนคติที่ดี เน้นการกระทำไม่เน้นพูด เราต้องอ่านให้ออกว่าคนนี้ พูดเก่งกว่าทำ’ หรือ ‘ทำเก่งกว่าพูด’ ทำงานเป็นทีมเวิร์ก หรือ One Man Show ทำธุรกิจต้องใจเย็น เพราะนิสัยการทำงานของคนมีหลากหลาย การบริหารงานที่ท้าทายสุดคือเรื่องคน เราไม่ต้องรู้ทุกเรื่อง แต่ต้องหาคนเก่งและทัศนคติที่ดีมาร่วมองค์กร ซึ่งจะช่วยองค์กรขับเคลื่อนไปได้”
“อยากให้คนรุ่นใหม่มีมุมมอง ‘เอาใจเขามาใส่ใจเรา’ อย่าทำธุรกิจแบบเอากำไรเป็นที่ตั้ง อย่าแก่งแย่งแข่งขันจนขาดคุณธรรม สังคมก็ไม่น่าอยู่ ถ้ามีก็ต้องรู้จักแบ่งปัน“
“ทุกวันนี้ดิฉันมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของโลกในด้านเสรีภาพ และการแสดงออกด้านเพศสภาพในสังคมที่ดีขึ้น ซึ่งทิฟฟานี่โชว์ พัทยา ก็เป็นองค์กรที่เป็นผู้นำความเท่าเทียมทางเพศมาสู่เวทีโลก ในระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าความเท่าเทียมทางเพศ ในปัจจุบันมีมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่เป็นผู้นำในด้านนี้ได้ต้องมีทัศนคติบวกเป็นสำคัญ และต้องมีความเป็นธรรมจึงจะบริหารงานได้ดี การมองโลกโดยใช้อคติจะทำให้องค์กรไม่พัฒนา เพราะทุกอย่างในโลกมันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ผู้บริหารยุคใหม่บริหารงานได้ดีเพราะมีความละเอียดในการพิจารณาสิ่งต่างๆได้ดี หากเกิดปัญหาก็ใช้เวลานิดหน่อยทำให้คลี่คลายได้ แต่ทั้งหมดก็ต้องอาศัยหลักบริหาร Professional และคุณธรรม จึงจะทำให้มีการพัฒนางานต่างๆ ไปสู่เป้าหมายได้”
“สำหรับดิฉันมองปัญหาว่ามีไว้ให้แก้ แต่ไม่เอามาแบก ธรรมะสอนให้รู้ว่าใจเราเป็นประธานไม่ใช่กาย ก็ต้องเข้มแข็ง ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก ต้องขอบพระคุณคุณพ่อที่ให้เราฝึกลูกเสือตั้งแต่เด็ก อยู่ที่ไหนตรงไหนก็ได้ เราก็จะผ่านอุปสรรคไปได้ทุกเรื่อง สิ่งสำคัญที่สุดในสังคมคือการสร้างคนดี เพราะคนเก่งในสังคมมีเยอะแล้ว ดาร์ลิ่งอยากให้คนรุ่นใหม่ มีมุมมองความคิดแบบรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่เอาเปรียบใคร อย่าทำธุรกิจแบบเอากำไรเป็นที่ตั้ง แก่งแย่งแข่งขันจนขาดคุณธรรม สังคมก็จะไม่น่าอยู่ ถ้าเรามีเราก็ต้องรู้จักแบ่งปัน ทุกวันนี้ดิฉันก็ทำงานจิตอาสา อย่างโครงการ DVK Star Talents ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนเด็กที่มี Talent แต่ขาดโอกาสให้มีศักยภาพแบบเต็มภาคภูมิ ซึ่งก็นับเป็นอีกหนึ่งความสุขและภาคภูมิใจที่เราได้ตอบแทนและช่วยเหลือสังคม รวมถึงงานเด็กๆ อื่นๆ เช่นลูกเสือ ซึ่งเป็นปณิธานของคุณพ่อที่ได้เคยสอนไว้ค่ะ”