หลายปีที่เราไม่ค่อยได้เห็นคู่พี่น้องตระกูลชุณหะวัณอย่างคุณมิ้งค์-ณัฏฐิ์ประภา และคุณมิค-ณัฏฐกรณ์ ชุณหะวัณ ได้ออกงานสังคม เพราะตอนนี้ทั้งคู่ต่างโฟกัสและสนุกกับการทำธุรกิจที่ทำ แม้รายได้ที่ได้จะไม่ฟู่ฟ่า แต่ก็เป็นธุรกิจที่ดี และเติบโตขึ้นทุกวัน ซึ่งสิ่งสำคัญของทั้งสองคนในปัจจุบันก็คือ การได้ใช้ชีวิตในแบบที่ชอบ และมีเป้าหมายชีวิตคือความสุขในแบบฉบับของตัวเอง
คุณมิค : ตอนนี้ผมก็ทำแบรนด์เครื่องประดับชื่อ Middle _M Jewelry ส่วนใหญ่ จะเป็นเครื่องประดับเงินตกแต่งมุกธรรมชาติกับพลอยบ้าง ซึ่งผมทำธุรกิจนี้มานาน พอสมควรราวๆ 6-7 ปี และเมื่อปีที่ผ่านมาก็เพิ่งมาทำสเปรย์กับเจลแอลกอฮอล์ล้างมือที่มาในขวดดีไซน์เก๋ๆ กับพี่มิ้งค์ ชื่อแบรนด์ Sopaa Beauiy ตอนนี้เราทำแค่แอลกอฮอล์ล้างมืออย่างเดียว แต่เราจะมีหลายรูปแบบ หลายกลิ่น แล้วก็มีแบบรีฟิล ส่วนใหญ่เราก็ทำการตลาดออนไลน์เป็นหลักครับ
สำหรับผม การทำธุรกิจเครื่องประดับถือว่าเป็นแพสชัน เพราะผมเรียนจบ International Business มา แล้วชอบทำเครื่องประดับ ก็เลยไปลงคอร์สเรียนวิธีการทำ ลองผิดลองถูกเอง แล้วก็เริ่มต้นจากการทำเครื่องประดับ ออกแบบเอง บางครั้งก็ได้แรงบันดาลใจจากสิ่งรอบตัว บางครั้งก็ได้รับคำแนะนำจากลูกค้าว่าชอบเครื่องประดับแบบไหน เราก็จะทำออกมาให้ ส่วนหลัก ๆ เราจะมีเครื่องประดับราวๆ 2-3 คอลเลกชันต่อปี แต่ก็จะมีแบบคลาสสิกของแบรนด์ ซึ่งตอนนี้จะมีจี้ตัวหนังสือภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ลูกค้าสามารถสั่งทำได้ โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าคนไทย ซึ่งผมเน้นทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์
คุณมิ้งค์ : การทำธุรกิจแอลกอฮอล์ล้างมือคือเป็นอาชีพเสริมที่เราสองพี่น้องอยากทำร่วมกัน เพราะช่วงที่ผ่านมาเป็นยุคโควิดระบาด เราเห็นว่าใครก็พกแอลกอฮอล์ล้างมือ ก็เลยอยากทำเจลและสเปรย์แอลกอฮอล์ที่บรรจุมาแพ็กเกจ มีสายคล้องสวยๆ มีสไตล์ และมีกลิ่นน้ำหอมหลากหลายกลิ่นให้เลือก ซึ่งเราขายผ่านช่องทางออนไลน์อย่างอินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และร้านค้าออนไลน์ เช่น ช้อปปี้และลาซาด้า ซึ่งยอดขายก็มีเข้ามาเรื่อยๆ ส่วนชื่อที่ใช้ก็ใช้ชื่อคุณยายเป็นชื่อแบรนด์ของเราค่ะ
นอกจากการทำธุรกิจแอลกอฮอล์ล้างมือแล้ว อาชีพหลักของมิ้งค์จะทำขนมไทยขายผ่านออนไลน์ ซึ่งมิ้งค์จะทำขนมไทย โดยเราจะทำตามออเดอร์ในแต่ละวัน ซึ่งสูตรขนมที่ทำจะเป็นสูตรของคุณยาย ฟืดแบ็กดีมาก ในอนาคตก็อยากขยายตลาดทำแคทเทอริ่งเพิ่ม แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าจะทำช่วงไหน เพราะตอนนี้ยอดขายขนมแต่ละวันก็ค่อนข้างเยอะ ก็ต้องจัดสรรเวลาให้ลงตัวก่อน อยากทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยได้ออกงานสังคม เพราะทำขนมต้องใช้เวลา แล้วคิดว่าตัวเองถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ก็เลยไม่ค่อยได้เห็นหน้าตามงานเท่าไหร่ค่ะ (หัวเราะ)
“ถ้าเราใช้ชีวิตมีเป้าหมายอยู่ที่เงิน ต้องดิ้นรนมากๆ ชีวิตก็ไม่มีความสุข ธุรกิจที่เราทำอาจจะไม่ทำให้เรารวยขึ้น แต่บ้านเราก็ไม่ได้ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ ไม่ได้ติดหรูอะไรมาก เท่านี้ชีวิตก็มีความสุขดี”
คุณมิค : ส่วนผมไม่ค่อยออกงานสังคมมาตั้งแต่ต้นแล้ว ชอบทำงาน ชอบท่องเที่ยว ชอบถ่ายรูปมากกว่า ก็เลยไม่ค่อยเห็นผมตามแวดวงสังคม ชีวิตผมส่วนใหญ่จะโฟกัสไปที่การทำงาน บริหารงาน เรียนรู้การทำตลาดออนไลน์ ซึ่งที่ผ่านมาก็ลองผิดลองถูกมาหลายปีก่อนสถานการณ์โควิด จนเราจับกลุ่มเป้าหมายของเราได้ ด้วยสไตล์ที่เราต่างจากคนอื่น และเป็นงานแฮนด์เมดที่ผมทำเองตั้งแต่ศูนย์ถึงร้อย ชิ้นหนึ่งก็ทำเองทั้งหมด ไม่ได้จ้างโรงงานทำ งานเราก็ไม่ใช่งานโหล ไม่ซ้ำแบบใคร มันเลยกลายเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่ลูกค้าชอบงานของเรา
ถ้าถามผมว่านอกจากการทำธุรกิจเครื่องประดับแล้วผมอยากทำอะไรอีก ตอนนี้ผมกำลังอินกับการถ่ายรูปกล้องฟิล์ม ตั้งใจว่าจะขายรูปอยู่ ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงสะสมภาพถ่าย และกำลังรอเวลาทำการตลาดในอนาคต งานที่ถ่ายก็อยากให้ลูกค้าเอาไปตกแต่งบ้าน เหมือนเป็นงานอาร์ตชิ้นหนึ่ง ซึ่งผมเริ่มถ่ายรูปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ช่วงที่โควิดระบาด ไปไหนก็ไม่ได้ ก็เลยขับรถเล่นแถวบ้าน ถ่ายภาพเมืองเก่า
คุณมิ้งค์ : คนเผลอ จริงๆ มิคเขาถ่ายรูปคนเผลอสวยมาก อย่างคนแก่หลับ ผู้หญิงนั่งเหมอๆ
คุณมิค : ก็มีข้าวของเครื่องใช้ อาหาร อยากให้ของที่ดูธรรมดา ๆ มันมีความสวยงามในมุมที่คนอื่นอาจมองไม่เห็น ซึ่งผมก็ถ่ายทั้งฟิล์มสีและขาวดำ ตอนนี้ก็มีรูปสวยๆ เยอะอยู่ ในอนาคตก็วางไว้ว่าอยากทำแกลเลอรี แต่ตอนนี้ก็ขอดูฟิดแบ็กก่อนว่ามีคนชอบผลงานแค่ไหน เพราะอยู่ในช่วงเริ่มต้น
ถ้าถามผม ผมชอบงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันนะ เพราะทุกอย่างที่ทำมันคือแพสชันที่ชอบ แล้วมันสามารถสร้างรายได้ให้กับเรา ผมเองเป็นคนชอบใส่เครื่องประดับ ใส่มาตั้งแต่เด็กๆ อายุ 13 – 14 เวลาเดินทางไปไหนก็จะชอบหาเครื่องประดับ ไปออสเตรเลีย ก็ไปหาเครื่องประดับที่ทำจากลูกปัดไม้ของชนเผ่า เมื่อก่อนชอบใส่เครื่องประดับมาก แหวน ต่างหู กำไล สร้อยคอ ก็ชอบแต่งตัวประมาณหนึ่ง พอเดี๋ยวนี้ทำเครื่องประดับ ขายเองก็เริ่มจะไม่ใส่แล้ว (ทัวเราะ) เดี๋ยวนี้ชีวิตก็ง่ายขึ้น พอโตขึ้นก็ต้องการอะไรน้อยลง
คุณมิ้งค์ : เน้นทำให้คนอื่นใส่ อย่างมิ้งค์ก็ชอบงานของมิคนะ รู้สึกว่าใส่ง่าย ดูไม่เยอะไป แล้วก็ดูเป็นเอกลักษณ์
คุณมิค : เมื่อก่อนทำเครื่องประดับในแบบที่ชอบ แต่เวลาเปลี่ยนความชอบเปลี่ยนงานมั่นก็ถูกลดทอนดีเทลลงเพื่อตอบสนองกับการใช้งานได้ทุกวัน ส่วนการทำตลาด ผมชอบตลาดออนไลน์มากกว่า เมื่อก่อนเคยขายตามร้าน แต่คิดว่ามันยังไม่ใช่แนวเราเท่าไร บางทีเราต้องทำตามสเป็กที่ร้านกำหนด ปีนี้ก็ตั้งใจว่าจะมีเว็บไซต์ดีๆ ที่ขายในต่างประเทศได้ ก็อยากเจาะตลาดต่างประเทศมากขึ้น
อย่างการขายในตลาดออนไลน์ก็ถือว่าสร้างรายได้ที่ดี อย่างยอดขายในช้อปปี้ดีมาก ตอนแรกก็คิดว่าจะทำดีไม่ทำดี พอตัดสินใจขายในข้อปปี้ก็คือเพิ่มยอดขายได้เยอะมาก ข้อปปี้เองก็พยายามหาแบรนด์ดีๆ และแบรนด์ดีไซเนอร์ไทยมาตั้ง Official ในแอปของเขามากขึ้น ซึ่งผมว่าการขายผ่านช้อปปี้มันก็สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับลูกค้าได้ในระดับหนึ่ง ผมว่าหลายๆ แบรนด์ก็มามียอดขายโตในช้อปปี้กันค่อนข้างเยอะผมเลยชอบตลาดออนไลน์ เพราะเราสามารถเป็นตัวของตัวเอง ในขณะที่ที่นั่นก็มีกลุ่มลูกค้าที่ชอบสไตล์เรารองรับ ซึ่งทำให้เราทำตลาดได้ง่ายขึ้น
ตอนนี้ผมถือว่าชีวิตช่วงนี้และช่วงที่ผ่านมาก็แฮปปี้ดี เพราะได้ทำสิ่งที่เราชอบ แล้วก็ประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งเรื่องยอดของรายได้อาจจะไม่ได้ทำให้เรารวยแต่มันก็เพียงพอกับความต้องการของผม ความสุขของผมคือการได้ใช้ชีวิตในแบบที่ชอบ
คุณมิ้งค์ : มิ้งค์มองว่าถ้าเราใช้ชีวิตมีเป้าหมายอยู่ที่เงิน อยู่ที่รายได้ ต้องมีเยอะๆ ต้องดิ้นรนมากๆ ชีวิตก็ไม่มีความสุข ทุกวันนี้รายได้จากธุรกิจที่เราทำอาจจะไม่ทำให้เรารวยขึ้น แต่เราพออยู่ พอกิน สามารถใช้ชีวิตได้สบายๆ เพราะบ้านเราก็ไม่ได้ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ ไม่ได้ติดหรูอะไรมาก เท่านี้ชีวิตก็มีความสุขดี