คุณกฤติเดช สระบัว เจ้าของและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอเรียนทอล อีเว้นท์ จำกัด และบริษัท โอเรียนทอล ไวน์เซอร์รี่ส์ จำกัด กับคุณธนัท สระบัว MARKETING DIRECTOR บริษัท โอเรียนทอล ไวน์เซอร์รี่ส์ จำกัด ลูกชายคนที่ 2 ที่เข้ามาช่วยดูธุรกิจนำเข้าไวน์และตัวแทนจำหน่ายไวน์จากต่างประเทศ ซึ่งคุณกฤติเดชบอกกับเราว่า ด้วยนิสัยที่ไม่ชอบอยู่นิ่งทำให้ชอบทำธุรกิจ ถ้าเห็นโอกาสก็จะลงทุนทันที ทำให้ปัจจุบันมีธุรกิจที่ทำอยู่หลากหลายประเภทตั้งแต่บริษัททัวร์ บริษัทอีเวนต์ บริษัทเครื่องเสียง บริษัทนำเข้าไวน์จากต่างประเทศ และยังเป็นเกษตรกรปลูกผักสลัดไฮโดรโปนิกส์ และเพาะเห็ดนานาชนิดส่งให้ห้างค้าปลีกและค้าส่งอย่างแม็คโครทั่วทุกจังหวัดในภาคใต้ แม้จะมีธุรกิจมากมาย แต่เขายังมีความฝันที่อยากจะทำรีสอร์ตสวยๆ ในไร่องุ่น ซึ่งทั้งหมดที่ทำคือความสุข และความมั่นคงที่เขาจะสร้างไว้ให้ลูกๆ ทั้ง 4 คนได้สานต่อธุรกิจในอนาคต
“ผมเริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็น F&8 Director ที่โรงแรมโอเรียลเต็ล บ้านตลิ่งงาม เกาะสมุย เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว พอทำงานอยู่หลายปีก็เริ่มเบื่อ และอยากทำธุรกิจของตัวเอง เลยตัดสินใจออกจากงานแล้วกลับบ้านที่ภูเก็ตไปอยู่กับครอบครัว เพื่อสานต่อทำฟาร์มเลี้ยงหมูต่อจากคุณพ่อ ผมมีคติประจำใจว่า ถ้าคิดแล้วต้องลงมือทำเลย อย่ารอ พอไปทำผมก็ขยายพื้นที่เล้าหมูให้ใหญ่ขึ้น เลี้ยงหมูขุนครั้งละกว่า 500 ตัว และลดต้นทุนด้วยการติดต่อขอเศษอาหารจากโรงแรมที่อยู่ใกล้กับฟาร์ม ซึ่งก็ประสบความสำเร็จและรายได้ดีมาก พอทำมาได้ 5 – 6 ปี ธุรกิจอยู่ตัว ผมก็ให้ภรรยากับน้องสาวมาดูต่อ ทุกครั้งที่ผมจะเริ่มทำธุรกิจอะไรสักอย่าง ผมก็จะเข้าไปเรียนรู้กับกูรู น้องสาวอยากทำร้านขายผ้าก็เปิดเลย ขายดีมากจนได้เป็นตัวแทนจำหน่ายซิป YKK แต่ด้วยการที่ไม่ศึกษาการทำตลาดและบริหารให้ดี ทำให้มีสินค้าในสต็อกเหลือเยอะ ภรรยาเลยแก้ปัญหาด้วยการตัดผ้าเป็นชิ้นๆ และนำสินค้าไปเร่ขายตามตลาดนัดเปิดท้ายรถกับลูกชายคนเล็ก ซึ่งสินค้าที่ค้าง อยู่เกือบ 3 ล้านบาทก็ขายหมด ซึ่งผมต้องยอมรับในความขยันของภรรยาจริงๆ”
“พอดีช่วงนั้นมีโรงแรมถาวร บีช วิลเลจ แอนด์ สปา เรียกตัวไปทำงานเป็นผู้ช่วย CEO ดู F88 ดู Operation ซึ่งเขาเสนอเงินเดือนและสวัสดิการให้ดีมาก ให้วิลล่า 1 หลังอยู่ฟรี มีรถประจำตำแหน่ง และทางเจ้านายก็ดูแลครอบครัวของเราด้วย ก็เลยตัดสินใจกลับไปทำงานประจำ ผมเป็นคนทำงานอะไรจะมีเป้าหมายและทำงานอย่างเต็มที่ คือผมจะมุ่งมั่นและวางแผน ผมจะเรียนรู้งานทุกอย่าง ผมชอบเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา ตอนไปอยู่ถาวร บีช วิลเลจ แอนด์ สปา ก็ตกลงทำ Contact ไว้ 2 ปี แล้วก็อยู่ต่ออีกปี ตอนนั้นผมไปเอาเรือนาคาเล จังค์ ซึ่งเป็นเรือสำเภาขนาดใหญ่มากที่ใช้ถ่ายหนังเรื่อง The Cutthroat sland ซึ่งเรือจอดทิ้งไว้ที่เกาะตะเภาน้อย ผมก็เลยหาเจ้าของ แล้วให้เจ้าของโรงแรมซื้อต่อมา แล้วแปลงโฉมเป็นเรือสำราญ Day/Dinner Cruise ทำเป็นที่จัดเลี้ยงเคลื่อนที่ รับลูกค้าเป็นกรุ๊ป พอทำเสร็จฟืดแบ็กดีมาก มีคนติดต่อเช่าเหมาลำเยอะมาก พอทำงานครบ 3 ปี ผมก็ตัดสินใจไม่ต่อสัญญา เพราะรู้สึกว่าเริ่มอิ่มตัวกับการทำงานโรงแรม”
“พอดีก่อนหน้านั้นมีเพื่อนผมที่เป็นคนเวลล์ ชื่อบิลล์ ซึ่งเขาทำบริษัททัวร์อยู่ที่กรุงเทพฯ และเวียดนาม เขาชอบมานั่งดื่มที่โรงแรม เจอหน้ากันก็ชวนผมเปิดบริษัททัวร์ทุกครั้ง เพราะเห็นผมมีคอนเน็กชันเยอะ ผมก็บอกว่าอยากทำนะ แต่ขอลงทุนแล้วให้เขาบริหารให้ได้ไหม เพราะตอนนั้นก็ยังทำงานอยู่ อีกวันเขาก็มาขอชื่อบริษัทเลย ผมเลยบอกทุกอย่างของผมต้องมีคำว่า “โอเรียนเต็ล” เพราะที่นั่นเหมือนบ้านหลังที่ 2 ผมมี Royalty เพราะที่นั่นทำให้ผมเป็นคนมีสแตนดาร์ด ผมเลยตั้งชื่อบริษัทว่า โอเรียลทอล เลเซอร์ เป็น Destination Management Company (DMC) ช่วงแรกก็ให้ภรรยาเข้าไปดูแล พอผมออกจากโรงแรมแล้วก็เข้าไปทำงานที่บริษัท ในขณะนั้นเราดูแลนำเที่ยวทางทะเลให้กับลูกค้าของบริษัท ดีทแฮล์ม และเป็นช่วงที่ทำให้ผมได้เดินทางไปโรดโชว์ในต่างประเทศเยอะมาก เพื่อทำการตลาดให้คนรู้จัก พอทำบริษัททัวร์มาได้ 8 – 9 ปี ผมก็มาเปิดบริษัท โอเรียลทอล อีเว้นท์ เพราะว่าเราทำเลเชอร์แล้วมีลูกค้าบางส่วนอยากให้ทำอีเวนต์ช่วยให้ทำเวที วางแผนงาน ผมตั้งโรงงานผลิตงานทำโปรดักชันส์อยู่แถวลำลูกกาคลอง 6 และขยายบริษัทจากภูเก็ตมาตั้งที่กรุงเทพฯ ด้วย หลังจากนั้นผมก็รับทำงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ พอเราจัดงานอีเวนต์เราต้องเช่าเครื่องเสียง บางครั้งบริษัทที่ว่าจ้างมารับงานก็ทำงานไม่ตรงเวลา ผมเลยตัดสินใจซื้อบริษัทเครื่องเสียงที่ชอบเลย ซื้อเพราะชอบบุคลากรในบริษัทนั้น ซึ่งพอเราทำธุรกิจเองก็จะตอบโจทย์เราได้ดีที่สุด”
“หลังจากที่ผมทำธุรกิจรับจัดงานอีเวนต์มา 19 ปี พอดีมาเจอเพื่อนที่เคยเป็นผู้ช่วยสมัยทำงานที่โรงแรมโอเรียนเต็ล ตอนนั้นเขาขายไวน์ และผมก็เรียนเรื่องไวน์มา ผมก็เลยถามเพื่อนว่าไม่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองหรือ เขาก็บอกว่าสนใจ เลยชวนว่าผมจะลงเงินให้เขาบริหาร การทำธุรกิจนี้ถือเป็นแพสชันที่ผมชอบดื่มไวน์ ก็เลยตัดสินใจทำเลย ซึ่งก็ได้ภรรยามาดูเรื่องการนำเข้าไวน์ให้ ซึ่งไวน์ของบริษัทเรานั้นนำเข้ามาจาก 3 ประเทศ คือ ฝรั่งเศส ชิลี และสเปน ซึ่งหลายตัวผมเดินทางไปเลือกไร่เอง เพราะอยากให้ได้ไวน์ที่รสชาติดี อย่างไวน์ชิลีที่ผมเลือกไร่นี้ นอกจากเรื่องรสชาติแล้ว อีกส่วนหนึ่งก็คือเขาจ้างคนไร้บ้านมาทำงาน ซึ่งผมมองว่าเป็นธุรกิจที่ช่วยเหลือสังคม ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของผม ส่วนการนำไวน์เข้าผมจะนำเข้ามาทั้งขวด ก็จะเสียภาษีสูงหน่อย แต่รักษาคุณภาพไวน์ได้ดีที่สุด และทุกแบรนด์ที่นำเข้าจะต้องทำสัญญาขายกับผมเป็นเอ็กซ์คลูซีฟ ตอนนี้ผมนำเข้ามาทั้งหมดกว่า 50 ตัว”
“ช่วงที่เปิดบริษัทไวน์ เปิดได้ 2 วัน รัฐบาลก็ประกาศล็อกดาวน์สถานการณ์โควิด-19 ซึ่งทำให้ต้องหากลยุทธ์ที่จะทำให้ธุรกิจอยู่รอด หาตลาด ทำออนไลน์รวมทั้งเริ่มธุรกิจใหม่ เพราะเรารับผิดชอบชีวิตของพนักงานทั้งหมด ก็เลยปรึกษากับลูกชาย ก็เห็นว่ากระแสเฮลท์ตี้มาแรง ก็เลยมาทำไร่ปลูกผักออร์แกนิกทำบนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ เราใช้ชื่อแบรนด์ว่า ‘ฟาร์มโกติ๊ก’ ปรากฎว่าขายดีมากและทางห้างแม็คโครก็รับไปขายทั้งหมด เราก็เลยทำฟาร์มเห็ด ซึ่งเพาะขายอยู่หลายสายพันธุ์ สินค้าทั้งหมดเราขายในแม็คโคร ถ้าถามผมว่านอกเหนือจากธุรกิจที่ทำแล้วอยากทำอะไรอีก ผมอยากทำรีสอร์ตเล็กๆ บรรยากาศแบบอยู่ยุโรป มีไร่องุ่นสวย ๆ อาจจะขายผลสดหรือทำไวน์เองก็ยังไม่แน่ใจ แต่ความฝันคืออยากทำแบบนี้”
“การที่ผมมีธุรกิจเยอะ เป็นเพราะผมชอบทำธุรกิจ และถ้าเห็นโอกาสก็จะลงมือทำเลย ทุกวันนี้ที่ทำธุรกิจเยอะ ก็เพราะอยากส่งต่อธุรกิจให้กับลูกๆ ซึ่งธุรกิจนำเข้าไวน์ผมอยากให้ตรี (คุณธนัท) เป็นคนดูแล ส่วนบริษัทอีเวนต์ผมจะให้ลูกสาวคนโตรับผิดชอบ ส่วนธุรกิจอื่นๆ ก็จะให้คนอื่นๆ รับผิดชอบ ผมโชคดีที่ลูกชอบธุรกิจที่ผมทำ ตอนแรกเขาก็ไม่ชอบหรอก แต่พอเข้ามาทำแล้วคงรู้สึกสนุกก็เลยเข้ามาทำกันเต็มตัว วันหนึ่งผมเองก็อยากวางมือ ไม่อยากทำงาน อยากพาภรรยาไปเที่ยว แต่ตอนนี้ผมว่าธุรกิจผมยังมีอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องดูแลอยู่ มัน Success แต่ success แบบไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ก็ยังวางมือไม่ได้”