หลายคนคงต้องยอมรับในความสวยไม่แพ้กันของ มิน-พีชญา และคุณแม่อ้อย-กาญจนา วัฒนามนตรี คู่แม่ลูกที่เห็นแล้วสัมผัสได้ทันทีถึงความรัก ความสนิทสนม มาพร้อมเรื่องราวของความรักและผูกพัน ที่มีทั้งโมเมนต์สนุกและสุดซึ้ง รวมถึงเรื่องความรักลึกๆ ที่คุยกันได้แบบไม่มีปิด
มิน : “ถ้าให้นิยามความเป็นคุณแม่ มินรู้สึกว่ามีคุณค่า ใจกว้าง อารมณ์ขัน ลุคภายนอกจะหวานมาก เหมือนเป็นคนที่อ่อนนอกแข็งใน ทั้งที่เขาเกิดในยุคเบบี้บูม แต่กลับเหมือนเป็นผู้หญิงยุคปัจจุบัน ที่เป็นเวิร์คกิ้งวูแมน พึ่งพาตัวเองได้ ในขณะเดียวกันก็แข็งแรงพอที่จะดูแลคนทั้งครอบครัว แล้วยังสอนคนอื่นต่อได้ถึงวิธีบริการจัดการชีวิต ทั้งดูแลตัวเอง ดูแลลูก เป็นภรรยาที่ดี ไม่เคยขาดตกบกพร่อง นี่มันวันเดอร์วูแมน”
คุณแม่อ้อย : “สไตล์การเลี้ยงลูกของแม่ ตอนเด็ก ๆ น่าจะเป็นเรื่องคอยอยู่ใกล้ชิด ให้เขาได้ลองทุกอย่าง ที่บ้านจะส่งเสริมให้เล่นกีฬา แล้วก็มีดนตรี อยากให้เขามีความสุข ตอนเด็กๆ จะให้เรียนเยอะอยู่เหมือนกัน ถึงจะเป็นแม่ลูกกัน แต่เราวิ่งกันคนละลู่ หมายถึงว่าใครชอบอะไรก็วิ่งไปทางลู่ของตัวเอง เราจะคอยซัปพอร์ต อย่างกิจการที่บ้านถ้าลูกชอบก็ทำ ถ้าลูกไม่ชอบก็ไม่ต้องทำ”
มิน : “ช่วงแรกที่เข้ามาในวงการบันเทิง ข่าวจะเยอะค่ะ เหมือนอยู่ดี ๆ มีชื่อเสียงขึ้นมาเลย ก็มีข่าวเปรียบเทียบเยอะ แต่ข่าวดีก็เยอะไม่แพ้ข่าวกอสซิป แม่ก็จะห่วงว่าแบบทำไมมีคนมาพูดอย่างนั้น บางทีเราก็เขียนข่าวกันแซบไปนิดนึงเนอะ ผู้ใหญ่เขาก็กลัว แรก ๆ แม่ไม่เข้าใจวงการเลย บางทีก็มีศัพท์ที่ผู้ใหญ่ฟังแล้วไม่เข้าใจ นึกว่าเป็นคำด่า แต่ที่จริงเป็นคำที่แซวเล่นกัน เหน็บกัน ตอนหลังคุณแม่เลยไม่ค่อยอ่านข่าว รู้ว่าเราโอเค เขาก็โอเค”
คุณแม่อ้อย : “แม่ภูมิใจว่าจริง ๆ เขาเป็นเด็กต่างจังหวัด เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนึง แต่ถ้าได้ตั้งใจทำอะไร เขาไปสุด แล้วอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีงาม สมมติเราเก่งแล้วแต่เราไม่ดีเนี่ย มันก็น่าห่วงอยู่นะ แต่เชื่อได้ว่าเขาไปทางที่ดี เขาเป็นคนยืนหยัด เป็นนักสู้ ส่วนความสวยนี่เหมือนตัวเองหลงลูกมาตั้งแต่เล็ก ๆ ไม่มีใครชมก็ชมลูกตัวเอง”
มิน : “สำหรับเรื่องหัวใจตอนนี้แฮปปี้ดี สีชมพู ถ้าถามว่าแม่อยากให้แต่งไหม? (คุณแม่อ้อย : “ก็น่าจะถึงเวลาแล้วนะ”) คุณแม่เขาอยากมีหลานสาว เพราะเขาได้หลานชายไปแล้ว มินก็บอกว่าใจเย็น ๆ นะ ทำงานอยู่ มันเป็นเรื่องของอนาคต จริงๆ ก็อยากมีหลานให้เขานะ แต่ยังคิดภาพตัวเองเป็นแม่ไม่ออก เราไม่รู้ว่าจะดีได้เท่าครึ่งของเขาไหม แต่แม่บอกว่าอย่ากลัว เวลาเป็นแม่คนเดี๋ยวคลอดลูกออกมาก็เป็นเลย คือเขาพูดเหมือนง่ายมาก เขาบอกว่าเชื่อสิ สัญชาตญาณการเป็นแม่ ทำได้ทุกอย่างเพื่อลูก ถ้ามินเดา มินน่าจะเป็นแม่ที่ค่อนข้างหวงลูก รู้สึกว่าถ้าวันนึงเรามีลูก เราจะบริหารจัดการความห่วงยังไงก็ไม่รู้ เราอาจต้องเรียนรู้แล้วเติบโตในเรื่องนี้อีกเยอะเลยค่ะ เดี๋ยวแม่สอนหน่อยแล้วกันเนอะ”
คุณแม่อ้อย : “จริง ๆ ลูกรักใครเราก็รักด้วย แต่คนนี้แม่ก็ถูกใจนะ เขาเป็นเพื่อนกันมานานเป็น 10 ปี แม่ก็รู้จักดี เคลวินเป็นคนน่ารัก จิตใจดี ดูแลดี รู้นิสัยก็วางใจ คือแม่ทิ้งเขาได้เลย ปกติแม่จะห่วง ต้องมาหาทุกเดือน ตอนนี้เหมือนมีคนมาดูแลให้ ขับรถให้ ไปรับไปส่ง ดูแลในทุก ๆ ด้าน อย่างมีช่วงเขาป่วยเข้าโรงพยาบาล เคลวินก็ไปเฝ้า แม่ก็เลยสบายใจ วางใจได้ แล้วเวลาเขาไม่ว่าง เคลวินก็มาดูแลแม่ คอยมารับมาส่ง”
มิน : “ทุกครั้งที่มินรู้สึกผิดหวังหรืออกหัก มินจะต้องไปนอนบ้านแม่ เหมือนไปชาร์ตพลัง แล้วอยู่ดี ๆ เขาก็ถามถึงเคลวิน (เคลวิน ตีรวัฒนานนท์) ว่าช่วงนี้ไปไหน เราก็แบบถามถึงเคลวินทำไม ช่วงนั้นแม่เหมือนชี้เป้าว่าผู้ชายที่ดีเป็นอย่างนี้นะ แม่เขาเลือกของเขาไว้แล้ว แต่ตอนแรก ๆ มินไม่ได้ฟังเขานะ แม่ก็รู้ว่าเราเป็นคนที่บังคับไม่ได้ เขาเลยเหมือนแค่ถามๆ แล้วให้ไปคิดเอาเอง แต่ตอนนั้นมินโสดมานานก็ค่อย ๆ ทำความเข้าใจตัวเอง เรายังไม่สามารถที่จะข้ามเฟรนด์โซนได้ คบกันมาตั้ง 10 ปี ถ้าเกิดความสัมพันธ์เสีย คือพังเลย แต่แม่ก็เป็นกำลังใจให้ คนเขี่ยบอลคือแม่นี่แหละ เผลอๆ เคลวินรักแม่มากกว่ามินอีกมั้ง แต่ถ้าคนไหนแม่ไม่ชอบ แม่เอ๊ะเลยนะ มินจะรู้ทันทีว่าแม่ไม่ชอบ เขาจะมีพลังงานบางอย่าง คือเขาไม่ห้าม แต่อาจมีคำที่ผู้ใหญ่เขาติแบบนิ่งๆ สั้นๆ แต่แอบแรงอยู่
มินรู้สึกโชคดีมากที่มีแม่แบบนี้ แม่ที่ยืนหยัดและอยากส่งต่อคุณงามความดี เขาบอกว่า เวลาเราสร้างชื่อเสียงที่ดี กินได้ไปรุ่นสู่รุ่นเลยนะลูก เหมือนตอนเริ่มทำธุรกิจใหม่ ๆ อากงมีชื่อเสียงดี พอไปหาใครบอกเป็นลูกอากง คนก็ให้การต้อนรับ แม่อยากจะเป็นแบบนั้นให้กับลูกหลาน จริง ๆ แม่ไม่ทำก็ได้ เขามีสิทธิ์ขอเงินลูกใช้ก็ได้ เขา 60 กว่าแล้ว แต่เขาบอกว่าไม่ต้องให้อะไรแม่ ดูแลตัวเองให้ดี แม่ดูแลตัวเองได้ ซึ่งเราก็ให้อยู่ดีนะคะเพราะเรารักเขา แต่ถ้าวันไหนที่ลูกมีอะไรให้แม่ช่วย บอกเลย แม่อยู่ตรงนี้เสมอ แม่เข้มแข็งมาก แมนมาก เป็นซูเปอร์มัม”