ส่งท้ายกลิ่นอายวันแม่เดือนสิงหาคมกับ คุณเฟย์-อรชุมา ดุรงค์เดช Managing Director แห่ง Iceland Spring Thailand สาวสวยสุดแกร่งผู้รับบทบาท Working Woman และ Supermom ในเวลาเดียวกัน กับการทุ่มเททั้งการงานและดูแลลูกแฝดชาย-หญิงวัย 4 ขวบ อย่าง คอลิ่น-ภูริช และโคลเอ้-ภูริชญา ปรีดานนท์ ที่ราวกับต้องเผชิญบททดสอบเกือบทุกวัน แต่ยังสามารถสร้างสมดุลระหว่างชีวิตครอบครัว และหน้าที่การงานได้อย่างน่าทึ่ง
โดยครั้งนี้คุณเฟย์นัดเจอที่ Wonder Woods Co-learning space & Kids Cafe ย่านพัฒนาการ 51 คาเฟ่เด็ก Play-Based Learning ด้วยหลักสูตรฟินแลนด์เพื่อการเรียนรู้ของเด็ก ๆ หนึ่งในสถานที่สุดโปรดของคอลิ่นและโคลเอ้ เพราะมีกิจกรรมสนุก ๆ ให้เลือกทำมากมาย
“เฟย์เป็นผู้หญิงทำงานค่ะ ไม่เคยจินตนาการว่ามีลูกแล้วจะเป็นอย่างไร พอเห็นหน้าลูกครั้งแรกก็เลยมีความ stunning นี่คือลูกเหรอ เป็นอารมณ์ที่อาจไม่เหมือนคุณแม่ปกติทั่วไป สำหรับเราเป็นเหมือนสิ่งใหม่ในชีวิตที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเราจะมี ซึ่งกว่าจะมีลูกก็ยาก ผ่านกระบวนการ IVF (In Vitro Fertilization) เฟย์อาจมีลูกช้ากว่าผู้หญิงทั่วไป เพราะมีตอนอายุเลข 4 แล้ว ถือว่าเป็นกระบวนการที่เหนื่อย ช้า ไม่ง่าย แต่สุดท้ายก็สำเร็จค่ะ”
“กรอบและกฎสำคัญมากที่สุดในการเลี้ยงลูก ในการใช้ชีวิตของเด็ก เพราะสมองเขาเหมือน free flow ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำได้หรือทำไม่ได้ การตีกรอบให้เขาก็เป็นเหมือนเราสร้างเส้นทางให้เขาเดิน จะได้เข้าใจว่าทางนี้ปลอดภัย สำหรับเด็กกรอบและ routine สำคัญมาก เขาจะรู้สึกปลอดภัยถ้าสิ่งเหล่านี้ชัดเจน เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกลัวเรื่องการให้กฎกติกากับเด็ก ๆ เพราะเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ จะทำให้เขาเติบโตมาอย่างมีคุณภาพ”
“เฟย์มองว่าการเป็นแม่ไม่ง่าย แต่การเป็นแม่ที่ดีมาก ๆ ยิ่งยาก การมีลูกหนึ่งคนก็ยากอยู่แล้ว แต่มีลูกสองคนไม่ใช่ double the work มันคือ triple the work ทุกอย่างใช้พลัง เวลา เงิน ฯลฯ รู้สึกว่าการเลี้ยงลูกแฝดต้องคิดว่าเราจะให้เวลากับลูกสองคนยังไง ให้เขารู้สึกว่าตรงนี้เพียงพอ ซึ่งยอมรับว่าเขาอาจไม่ได้รับเท่าเด็กเดี่ยว เพราะเขาเกิดมาปุ๊บทุกอย่างต้อง sharing หมด แต่ว่าทุกเหรียญมี 2 ด้าน ข้อดีอย่างเช่น เขาจะได้เรียนรู้ในการแบ่งปันตั้งแต่เกิด เฟย์จำได้ครั้งหนึ่งลูกร้องไห้พร้อมกัน ตอนนั้นอายุยังไม่ถึงขวบ เฟย์ก็เดินเข้าไปแล้วอุ้มคนนึงขึ้นมา ในขณะที่อีกคนมองหน้าว่าเราข้ามเขาไป เฟย์รู้สึกเสียใจมากว่าลูกจะรู้สึกอะไรมั้ย เลยไปค้นคว้าและคุยกับผู้เชี่ยวชาญ เขาบอกว่าจริง ๆ การให้เขาเต็มที่และเราทำให้ดีที่สุด เขาก็ไม่รู้หรอกว่าอันนี้คือน้อยหรือมาก แต่จะรู้ว่าอันนี้คือที่สุดที่เขาได้รับแล้ว ก็อยากจะเป็นกำลังใจให้คุณแม่ทุกคน และคุณแม่ลูกแฝดโดยเฉพาะ เราทำให้ดีที่สุด เลือกวิธีที่จะให้โอกาสเขาทั้งคู่ เช่นที่เฟย์เล่า ครั้งหน้าหรือครั้งต่อไปถ้าลูกร้องพร้อมกัน ก็จะอุ้มอีกคนหนึ่งก่อนบ้าง สลับไปสลับมา โอกาสที่เขาจะได้เรียนรู้ก็คือมีตัวเล็ก ๆ อีกคนหนึ่งในชีวิตของเขาที่ต้องแบ่งปันกัน เขาจะเรียนรู้การมีเงื่อนไขบางเรื่อง ทำให้รู้จักแบ่งปันได้เร็วกกว่าเด็ก ๆ คนอื่น”
“ถ้าเป็นคุณแม่ทั่วไปก็จะทราบว่าการท้องยากอยู่แล้ว เพราะอุ้มท้อง 9 เดือน ทั้งร่างกาย ฮอร์โมน ทั้งจิตใจ เปลี่ยนแปลงหมด การมีลูกแฝดก็คือฮอร์โมนดับเบิ้ล รวมถึงสภาวะทางร่างกายก็ยาก เพราะเรามีสองคนอยู่ในท้อง ถ้าเป็นเด็กเดี่ยวปกติเวลานอน เด็กเตะข้างนึงเราหันตะแคงอีกข้างนึงก็นอนได้ แต่ถ้าลูกแฝดเด็กจะเตะเราทั้งสองข้าง นอนไม่ได้ เฟย์ต้องนั่งหลับตั้งแต่ตอนท้องประมาณ 5 เดือนจนถึงคลอดเลย เรียกว่าไม่ได้นอนราบเลยค่ะ อันนี้เป็นความยากทางกายภาพ พอคลอดลูกออกมาแล้ว การปั๊มนม การให้นมแม่ ทุกอย่างใช้ร่างกาย เหนื่อย แต่สำคัญที่สุดและยากมากของการเลี้ยงลูกแฝด คือเราจะทำยังไงให้เขารู้สึกได้รับความรักและการดูแลแบบเต็มที่ ไม่รู้สึกขาด แต่ไม่ได้ให้อย่างไม่มีคุณภาพนะคะ ต้องจัดเวลาและบริหารทุก ๆ อย่าง”
“ถ้าถามถึงความเหมือนของลูกแฝดคือ เขารู้ใจกัน ชอบอะไรใกล้เคียงกันในหลาย ๆ เรื่อง และเดาใจกันออก เหมือนเขาเรียนรู้ human being ของอีกคนว่าเป็นยังไง ชอบกินอะไร ชอบสีอะไร ชอบทำอะไร ได้ไวและเร็วกว่าเด็กคนอื่น ๆ เขาเป็นอย่างนี้ทั้งคู่ อาจเพราะตั้งแต่อยู่ในท้องจนคลอดมา เขาใช้เวลาด้วยกันตลอด อย่างตอนมี Orientation Day ที่โรงเรียน เขาเป็นแฝดจะถูกจับแยกห้อง แล้วอยู่ช่วงนึงที่เขาคิดถึงกัน เขาก็เดินมากอดกัน แล้วค่อยแยกกลับไปอยู่คนละห้อง ส่วนความต่างถามว่ามีมั้ย มีอยู่แล้วค่ะ คอลิ่นจะ masculine มาก ส่วนโคลเอ้ก็ feminine สุด ๆ”
“เฟย์ประทับใจในสิ่งที่ลูกแฝดทั้งคู่มี คือ เขาแบ่งปันมาก ๆ ตัวเฟย์เองในการเป็นคุณแม่ลูกแฝด ก็สอนมาโดยตลอดให้เข้าใจว่าการกระทำของตัวเอง จะมีผลกระทบกับอีกคนหนึ่งยังไง เพราะเขาต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ แต่ถ้าถามแบบเฉพาะเจาะจงลงไปที่น้องโคลเอ้เลย คือเขาชอบนั่งสมาธิ ล่าสุดไปญี่ปุ่นด้วยกัน คุณแม่นั่งสมาธิ 40 นาที เขาสามารถนั่งได้ 30 นาที เด็ก 4 ขวบยิงยาวครึ่งชั่วโมงแล้วหยุด และขอนั่งต่ออีก 10 นาที เป็นอะไรที่แปลกใจมาก เพราะว่าผู้ใหญ่ยังยากเลย แต่โคลเอ้เขาสามารถดูลมหายใจตัวเองได้ รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ amazing สำหรับน้องคอลิ่นเฟย์ประทับใจในการที่เขารับรู้ถึงความรู้สึกของอีกคนได้แบบค่อนข้างลึก ครูประจำชั้นเคยเล่าให้ฟังว่า มีเพื่อนคนนึงล้ม เขาเป็นคนเดียวที่วิ่งไปหาครูแล้วบอกว่ามีเพื่อนล้มอยู่ หรือเวลาที่คุณแม่นั่งหน้าเศร้า เขาก็จะเดินมาแล้วถามว่ามามี้เป็นอะไร เหมือนเขาจับความรู้สึกได้มากกว่าคนทั่ว ๆ ไป คือ emotional connection ของเขาจะค่อนข้างสูงกว่าปกติ”
“เฟย์มองว่าหัวใจสำคัญของคุณแม่ไม่ว่าจะยุคสมัยใดก็ตาม คือการเลี้ยงลูกแบบไม่ตามใจจนเกินไป การสปอยล์เด็กเป็นอะไรที่เหมือนคุณพ่อคุณแม่รังแกฉัน เพราะเฟย์รู้สึกว่าเด็กทุกช่วงอายุ เราสามารถบ่มให้เขาเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดี เกิดจากเราต้องสร้างกฎกติกา เด็กอาจไม่ได้ชอบ แต่เขาทำตามได้ จนเรียนรู้และกลายเป็นพฤติกรรม สิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยความต่อเนื่องและความมีวินัย ซึ่งวินัยแบบนี้เกิดมาจากคุณพ่อคุณแม่ต้องฝืนใจตัวเอง ทำยังไงให้ลูกไม่เสียนิสัย อันนี้สำคัญเพราะบางครั้งตัวเฟย์หรือสามี (ปิติพัฒน์ ปรีดานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปรีดา โฮลดิ้ง จำกัด) ก็อยากตามใจลูก แต่ก็ไม่ได้นะ ต้องฝืนใจตัวเองค่ะ”
“ถ้าจะตอบโจทย์ว่าคุณพ่อคุณแม่สมัยนี้ควรทำยังไง ก็คือต้องปรับตัวเองให้เข้ากับยุคสมัยด้วย อย่างปัจจุบันลูกเฟย์ยังเด็กอยู่ เฟย์มั่นใจว่าถ้าวัยรุ่นแล้วก็ต้อง open-minded มากขึ้นว่ายุคสมัยตอนนี้เป็นยังไง เราจะพยายามเข้าหาเขายังไง แล้วปรับตัวเราให้อยู่กับเขาให้ได้ หลายคนอาจรู้สึกว่าอยากให้เด็กเข้าหาผู้ใหญ่ มันก็ไม่ได้ผิด แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราปรับตัวซึ่งกันและกัน แล้วอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”