ขยับเข้ามาทำความรู้จักกับนักแสดงสาวดาวรุ่ง “พีพี ปุญญ์ปรีดี” ที่พกพาเสน่ห์และรอยยิ้มเปล่งประกายให้โลกสดใส จนใครๆ ต่างหลงรัก มาเปิดใจให้ได้ฟังกันแบบใกล้ชิด ทั้งเรื่องราวในวงการที่น่าสนใจ และเป้าหมายในอนาคตที่น่าติดตาม ให้พร้อมรับแรงบันดาลใจใหม่ๆ ไปด้วยกัน!
“จริงๆ แล้วจุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากเข้าวงการบันเทิง มาจากเห็นคุณแม่ชอบดูละครทุกคืน เราเห็นเขามีความสุขจัง ดูแล้วยิ้ม รู้สึกว่าถ้าคุณแม่ชอบดู เราก็อยากจะเป็นคนนั้นที่แม่ตั้งหน้าตั้งตารอดูตั้งแต่สองทุ่มครึ่งบ้าง แล้วพอลองไปเรียนแอ็คติ้งก็กลายเป็นว่าชอบจริงๆ ทำให้เรารู้จักร่างกายตัวเองมากขึ้น เป็นเหมือนพื้นที่ที่เราสามารถทำอะไรก็ได้ ในสังคมเราอาจจะไม่สามารถโกรธ ร้องไห้ ตะโกนเสียงดัง หรือมีความสุขสุดๆ ได้อย่างเต็มที่ แต่ในพื้นที่การแสดง หนูมองว่าเป็นพื้นที่ให้เราแสดงอารมณ์ได้หลากหลาย ซึ่งตอนแรกที่เข้ามาทำก็ไม่ทันได้คิดว่าเราจะต้องมีชื่อเสียง ต้องโด่งดัง แต่ ณ เวลาที่ทำมองว่ามีความสุขกับการได้เห็นผลงานตัวเอง รู้สึกภูมิใจ ไม่คิดเลยว่าเราจะสามารถเล่นเป็นตัวละครตัวนั้นได้ สามารถแสดงสีหน้าอารมณ์ ความรู้สึกแบบนี้ได้ มองว่าอย่างอื่นเป็นผลที่ตามมาทีหลังมากกว่า แต่เป็นสิ่งที่พอได้รับเราก็ดีใจ มีความสุขและภูมิใจ อยากจะขอบคุณทุกโอกาส และขอบคุณแฟนคลับที่เข้ามาชื่นชอบเรา”
“เวลาอยากฮีลใจ หนูมักจะอยู่กับตัวเอง หรือคุยกับแม่ หรือกอดแม่ หนูจะเป็นคนขี้อ้อนมาก เวลาต้องการกำลังใจก็จะเข้าไปกอดคนใกล้ชิดที่เรารู้สึกสบายใจ ปลอดภัย หนูว่าการกอดเป็นอะไรที่ฮีลใจได้ดีมากๆ และแน่นอนว่าการอยู่กับตัวเองทำให้เราได้มีสติ คิดว่าเมื่อเกิดอะไรขึ้นแล้วเราต้องทำอย่างไร อีกอย่างคือหนูเลี้ยงสุนัขชื่อโมเดิร์นกับจีจี้ พอเห็นเขาวิ่งเข้ามาหา หนูชอบแววตาของโมเดิร์นกับจีจี้มาก แค่เห็นก็รู้สึกรักแล้วโดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรเลย สิ่งนี้ก็ช่วยฮีลใจได้”
“สำหรับมุมมองความสำเร็จของหนูในปี 2024 จริงๆ เกินคาดหมายมามากๆ เลยนะคะ สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตหนูไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าจะเกิดขึ้น การประสบความสำเร็จในวันนี้มองว่าอาจจะแค่ 40% : 60% เท่านั้น เพราะรู้สึกว่าทุกโอกาสยังไปได้ไกลกว่านี้ ไม่ค่อยอยากปิดกั้นตัวเองว่าอันนี้คือสำเร็จแล้ว หนูยังมองความเป็นไปได้หรือแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นไปได้อีกเรื่อยๆ ตอนนี้นอกจากงานละครก็จะมีภาพยนตร์ แล้วล่าสุดก็เพิ่งได้มาร้องเพลง ทั้งที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องร้องเพลง ซึ่งอาจจะไม่ใช่ทางของหนูเลย หรือแม้แต่การเต้น พอมีงาน FAN Meeting ก็ต้องไปร้องเพลงออกอีเวนต์ เป็นอะไรใหม่ๆ สำหรับเราเหมือนกัน ส่วนปีหน้าคิดว่าก็คงมีอะไรที่ท้าทายเข้ามาหาเราเรื่อยๆ ค่ะ ถ้าถามถึงการร้องเพลง เขินมาก ไม่กล้าให้คะแนนตัวเองเลย อาจจะต้องให้คนฟังให้คะแนนมากกว่า”
“ถ้าให้พูดถึงพี่เก้า (นพเก้า เดชาพัฒนคุณ) เป็นคนน่ารัก รู้สึกว่าน้อยมากที่จะเจอเพื่อนร่วมงานที่น่ารักขนาดนี้ คอยซัปพอร์ตเราเท่านี้ ทุกๆ อย่างเลยที่พี่เก้าทำให้ ทุกการกระทำ ทุกคำพูด หรือแต่ละอย่างที่เขาพูดถึงเรา มันเป็นเชิงบวกหมดเลย ถ้าถามว่ามีอะไรเป็นพิเศษไหม หนูว่าจริงๆ คือตัวเขาอยู่แล้ว ในทุกๆ งานที่เราอยู่ด้วยกัน เจอกัน มันก็แฮปปี้อยู่แล้วค่ะ”
“การได้เข้ามาอยู่วงการบันเทิง หนูว่าคุ้มค่ามากๆ แล้วก็ไม่ได้มองว่าต้องสูญเสียเวลาส่วนตัวไป เพราะไม่ว่าจะมีคนรักเราเพิ่มขึ้น หรือจะมีคนเป็น CCTV ของเราอยู่ (หัวเราะ) หนูก็ไม่ได้ซีเรียส เพราะสุดท้ายแล้วหนูเชื่อในเรื่องของแก่นแท้ หรือธาตุแท้ความเป็นตัวเรา ความจริงใจของเรา หนูอาจจะไม่ค่อยระวังตัวอะไรมาก ก็เลยไม่ได้มองว่ามากระทบกับไลฟ์สไตล์หรือความเป็นส่วนตัวมาก อาจจะมีแค่ออกไปไหนต้องแต่งตัวให้ดีหน่อย เวลาภาพออกไปจะได้รื่นเริงตาสักนิดนึง แต่หนูมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะไม่ว่าเราจะไปไหน ก็ควรทำตัวเองให้ดูดีเสมออยู่แล้ว ส่วนความรู้สึกของคุณแม่ที่เห็นลูกได้เข้ามาอยู่ในวงการนี้ เขาจะเป็นคนขี้เขิน ไม่ค่อยกล้าบอกกล้าชม หนูต้องถามว่าเป็นยังไง ชอบไหม ดีไหม รู้สึกไงบ้าง ซึ่งเขาก็ดีใจ ภูมิใจ ชมว่าเก่ง เขาเชื่อในตัวหนู ตอนแรกอาจจะไม่รู้ว่าลูกทำอะไรได้บ้าง ด้วยความเป็นลูกคนเล็ก เลี้ยงมาเหมือนไข่ในหิน คือประคบประหงมสุดๆ แต่พอเขาได้เห็นผลงาน เห็นการทำงานของเราในแต่ละวัน ก็เลยเริ่มเชื่อมากขึ้นว่าทำได้ หนูก็ดีใจที่เขามองเราเปลี่ยนไปในทางที่มั่นคงขึ้นค่ะ”