“บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย” เปิดประสบการณ์การขับขี่หลากสไตล์ ชวนเผชิญทุกความท้าทายกับ”บีเอ็มดับเบิลยู X4″ ใหม่ พร้อมสัมผัสความแรงเร้าใจในสนามแข่งกับขุมพลังจาก “มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์”

0
1127

     บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย นำสื่อมวลชนสัมผัสประสบการณ์การขับขี่หลากสไตล์จากบีเอ็มดับเบิลยูและมินิมาให้สัมผัสกันอย่างครบครัน ทั้งสมรรถนะหรูเหนือระดับบนท้องถนนและความคล่องตัวแบบออฟโรดจากบีเอ็มดับเบิลยู X4 ใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 2 พร้อมความแรงเต็มอัตราในแบบฉบับรถแข่งโกคาร์ท จากรถยนต์ในตระกูลมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ทั้งมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์, มินิ จอห์นคูเปอร์ เวิร์คส์ คลับแมน, มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน และมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ในกิจกรรมทดสอบรถยนต์สุดพิเศษที่จัดขึ้น ณ สนามแข่งรถแก่งกระจาน เซอร์กิต จังหวัดเพชรบุรี ในวันที่ 16-20 ตุลาคม 2561

โดยกิจกรรมการทดสอบบีเอ็มดับเบิลยู X4 ที่สนามแข่งรถแก่งกระจาน เซอร์กิต ในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการทดสอบขุมพลังความเร็วและความปราดเปรียวของสมาชิกล่าสุดในตระกูล X แล้ว ยังเป็นการทดสอบสมรรถนะทั้งแบบออนโรดและออฟโรดภายใต้คอนเซ็ปต์การประชันความเร็วแบบแรลลี่ครอส ที่ผสมผสานพื้นผิวแบบทางเรียบและทางลูกรังไว้ในสนามแข่ง เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ใหม่ล่าสุดที่มาในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู X4 เป็นครั้งแรกกันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติที่สามารถตรวจจับรถและคนเดินถนนด้วยความเร็วต่ำ (Person Warning with City Braking Function) ระบบเตือนเพื่อป้องกันการชนด้านหลัง (Rear-collision prevention) ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร (Lane Departure Warning) รวมถึงระบบ BMW ConnectedDrive ผ่านแพลตฟอร์ม Open Mobility Cloud ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ดิจิตอลเข้ากับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูได้แบบไร้สาย ไม่ว่าจะด้วย iPhone หรือ Apple Watch

และสำหรับมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ทั้ง 4 รุ่นนั้น ผู้ร่วมทดสอบจะได้โลดแล่นด้วยขุมพลัง MINI TwinPower Turbo ซึ่งทั้งพลังขับเคลื่อน ระบบช่วงล่าง และชุด aerodynamics ต่างได้รับการออกแบบมาเพื่อเติมเต็มสมรรถนะความสปอร์ตได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ว่าจะเป็นบนท้องถนนหรือในสนามแข่ง

บีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sport ใหม่

ราคาจำหน่าย 3,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ BSI Standard)

บีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sport ใหม่ โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่มีความเฉพาะตัว ปราดเปรียวและนวัตกรรมล้ำสมัยใหม่ล่าสุด ในขณะที่ยังคงประกาศเอกลักษณ์ในฐานะ Sports Activity Coupe คันแรกของรถยนต์ขนาดกลาง สมาชิกของบีเอ็มดับเบิลยูตระกูล X ที่ผสานดีไซน์แบบคูเป้สุดคลาสสิกไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

รูปโฉมภายนอกของบีเอ็มดับเบิลยู X4 ใหม่ ตอกย้ำความสง่างามปราดเปรียวและดีไซน์สปอร์ตที่เด่นชัดมากขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า โดยมิติรถยนต์มีขนาดยาวขึ้น 81 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 37 มิลลิเมตร และฐานล้อกว้างขึ้น 54 มิลลิเมตร นอกจากนี้ยังเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสัมภาระอีก 25 ลิตร เป็น 525 ลิตร และขยายได้สูงสุดถึง 1,430 ลิตร ด้วยการพับพนักพิงที่นั่งด้านหลังที่พับแยกได้สามตอนแบบ 40/20/40

ขนาดทั้งหมด (มม.) BMW X4 รุ่นใหม่ BMW X4 (รุ่นก่อนหน้า) ต่างจากเดิม
ความยาว 4,752 4,671 + 81
ความกว้าง 1,918 1,881 + 37
ความสูง 1,621 1,624 – 3
ระยะช่วงล้อหน้า-หลัง 2,864 2,810 + 54

ดีไซน์ภายนอกเสริมด้วยเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวและชุดแต่ง M Sport พร้อมด้วยล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว ลาย Double-spoke เพิ่มความสะดุดตาให้แก่รุ่นใหม่ล่าสุดของตระกูล X ด้วยเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนใหม่ล่าสุดมาเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมการขับขี่ขณะเข้าโค้ง (Performance Control) พวงมาลัยไฟฟ้าอัจฉริยะแบบสปอร์ต ระบบ Driving Assistant และช่วงล่างแบบ M Sport

บีเอ็มดับเบิลยู X4 ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบที่มาพร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ให้พละกำลังสูงสุดที่ 140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 8 วินาที ทะยานสู่ความเร็วสูงสุด 213 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้สมรรถนะที่คล่องตัวในทุกสภาพท้องถนนด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ บีเอ็มดับเบิลยู xDrive ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะ และด้วยเทคโนโลยี BMW EfficientLightweight บีเอ็มดับเบิลยู X4 ใหม่ จึงมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 50 กิโลกรัม และยังมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.30 ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพสูงที่สุดเมื่อเทียบกับรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ภายในเซกเมนต์เดียวกัน ส่งผลให้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยเพียง 17.9 กม./ลิตรเท่านั้น

ภายในห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sport ใหม่ ผสานภาพลักษณ์ของความแข็งแกร่งเข้ากับความหรูหราสง่างามไว้ได้อย่างลงตัวได้รับการออกแบบมาโดยคำนึงถึงผู้ขับเป็นหัวใจสำคัญ ทั้งเบาะที่นั่งแบบสปอร์ตและเบาะรองเข่าที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ หลังคากระจกแบบพาโนรามายังช่วยเสริมให้ภายในตัวรถโปร่งสบายยิ่งขึ้น เติมเต็มความสปอร์ตอีกขั้นด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น M Sport เบาะหนังแท้ Vernasca แผงคอนโซลหุ้มหนัง Sensatec ตกแต่งภายในด้วย Aluminium Rhombicle พร้อมแถบโครเมียม ให้ความหรูหราที่โดดเด่นยิ่งขึ้น

บีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sport ใหม่ พกพานวัตกรรมล้ำยุคจากบีเอ็มดับเบิลยูมาอย่างเต็มเปี่ยม ทั้งระบบ iDrive ใหม่ล่าสุด ระบบการสั่งการด้วยเสียงและ BMW Gesture Control รวมถึง BMW ConnectedDrive ระบบการติดต่อสื่อสารอย่างไร้ขีดจำกัด

นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ผู้ขับขี่จะได้สัมผัสระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อันทันสมัยในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่มากยิ่งขึ้น ได้แก่ ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติที่สามารถตรวจจับรถและคนเดินถนนด้วยความเร็วต่ำ (Person Warning with City Braking Function) ระบบเตือนเพื่อป้องกันการชนด้านหลัง (Rear-collision prevention) ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร (Lane Departure Warning) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา (Blind spot detection) ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง (Crossing-traffic warning rear) และระบบเตือนป้ายจราจร (Speed limit info and no-overtaking indicator)และระบบความปลอดภัยล้ำสมัยอีกมากมาย เพื่อสร้างความอุ่นใจและปลอดภัยในทุกเส้นทาง

มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ใหม่

ราคาจำหน่าย 3,468,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ MSI Standard)

มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดของมินิ ด้วยเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะแบบสปอร์ต ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร ให้พละกำลังที่ 170 กิโลวัตต์ / 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.5 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เสริมสมรรถนะการขับเคลื่อนด้วยระบบท่อไอเสียแบบสปอร์ต ที่มอบพลังเสียงเร้าใจยิ่งขึ้นเมื่อขับขี่แบบเปิดประทุน

อีกหนึ่งไฮไลท์อันโดดเด่นของมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ใหม่คือ หลังคาผ้าแบบอัตโนมัติ ที่สามารถเปิด-ปิดได้อย่างไร้เสียงด้วยระบบไฟฟ้า และยังได้รับการปรับปรุงให้สามารถลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้มากขึ้นอีกด้วย โดยการเปิด-ปิดหลังคาสามารถทำงานด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว และใช้เวลาในการเปิด-ปิดเพียงแค่ 18 วินาที ขณะขับขี่ที่ความเร็วสูงสุด 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งยังมาพร้อมฟังก์ชั่นสำหรับเลื่อนเปิดหลังคาเฉพาะส่วนหน้าได้มากสุดถึง 40 เซนติเมตร โดยไม่จำกัดความเร็วขณะขับขี่

มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ใหม่ ยังพกขีดสุดแห่งความคล่องตัวและความแม่นยำในการเข้าโค้ง ด้วยการติดตั้งระบบช่วงล่างที่สามารถปรับสภาพตามรูปแบบการขับขี่ (Adaptive Suspension) และชุดเบรกแบบสปอร์ตมาเป็นอุปกรณ์พื้นฐาน รวมทั้งโครงสร้างตัวถังที่เสริมความแข็งแกร่งเป็นพิเศษเฉพาะสำหรับรุ่นคอนเวิร์ตทิเบิล พร้อมชุดแต่ง aerodynamics จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ เต็มรูปแบบ และล้ออัลลอยลาย John Cooper Works Cup Spoke 2-tone ขนาด 18 นิ้ว ที่เสริมลุคสปอร์ตอันทรงพลังให้แก่มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล เจเนอเรชั่นใหม่นี้

นอกจากนี้ ยังได้มีการปรับโฉมใหม่เช่นเดียวกับรถยนต์มินิรุ่นอื่น ๆ เพื่อยกระดับคาแรคเตอร์และเสน่ห์ของรถยนต์สัญชาติอังกฤษที่เด่นชัดยิ่งขึ้น โฉบเฉี่ยวด้วยรูปทรงและเส้นไฟ LED ลายธงยูเนียน แจ็คแห่งสหราชอาณาจักร โดยไฟเบรกจะใช้เส้นแนวตั้ง ส่วนไฟเลี้ยวจะเป็นเส้นแนวนอนกึ่งกลาง และไฟท้ายจะเปิดเป็นเส้นแนวทะแยง ส่วนไฟหน้าล่าสุดมาพร้อมกับเทคโนโลยี Adaptive LED ที่ทำงานร่วมกับ Matrix light ยกระดับทัศนวิสัยในการขับขี่ด้วยการใช้ระบบกล้องหน้ารถตรวจจับหารถยนต์คันอื่นที่ขับสวนมา เพื่อหลีกเลี่ยงการยิงไฟสูงใส่ผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ในขณะที่ยังคงส่องสว่างส่วนอื่น ๆ ของท้องถนน เพิ่มความปลอดภัยสำหรับทั้งผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทาง และอีกหนึ่งตัวช่วยที่อำนวยความสะดวกและทำให้การจอดรถของคุณง่ายขึ้นด้วยกล้องมองหลังผ่านจอแสดงผลด้านหน้า

สำหรับภายในตัวรถ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ใหม่ยังคงมอบความรู้สึกสปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหนังแท้ แป้นเบรก คันเร่ง และที่พักเท้าสแตนเลส สตีล มือจับประตูและที่หุ้มเกียร์ รวมทั้งเพดานห้องโดยสารสีดำ anthracite ในสไตล์ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ และยังให้ความสนุกสนานในทุกการขับขี่ด้วยพลังเสียงจากลำโพง Harman Kardon HiFi ถึง 12 ตัว พร้อมจอระบบสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว และเทคโนโลยีเชื่อมต่อ MINI Connected เพื่อการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดกับสมาร์ทโฟน

มินิยังนำเทคโนโลยีล่าสุดอย่างแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charging) มาติดตั้งไว้ยังบริเวณช่องในที่วางแขนกึ่งกลางตัวรถ โดยสามารถวางโทรศัพท์รุ่นที่รองรับระบบการชาร์จไร้สายบนแท่นเพื่อชาร์จได้เลย นอกจากนี้ยังมีพอร์ต USB เพิ่มเติมอีก 2 ช่องที่คอนโซลหน้ารถอีกด้วย

มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์
ราคาจำหน่าย 3
,418,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ MSI Standard)

มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์ โลดแล่นด้วยเครื่องยนต์ทรงพลังเช่นเดียวกับ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ใหม่ ในรูปลักษณ์แฮทช์ 3 ประตูสุดคลาสสิกที่ก้าวข้ามผ่านกาลเวลาของมินิ อันได้รับแรงบันดาลใจมาจากโลกแห่งมอเตอร์สปอร์ต สะดุดตาด้วยชุดแต่งในตระกูลจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ขนานแท้ โดดเด่นด้วยเส้นสายสีแดงบนตัวรถ และการตกแต่งภายในห้องโดยสารที่ดีไซน์มาเพื่อมอบความรู้สึกของรถแข่งอย่างแท้จริง โดยโครงสร้างน้ำหนักเบาและชุด aerodynamics ที่ได้รับการออกแบบ มาเป็นอย่างดี ช่วยให้มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์สามารถทะยานจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรภายใน 6.1 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 246 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน และมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คลับแมน

ราคาจำหน่าย 3,548,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ MSI Standard)

มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน อีกหนึ่งรุ่นที่ให้ความคลาสสิกของ ‘go-kart-feeling’ ตามแบบฉบับมินิ ในฐานะสมาชิกในตระกูลจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ที่ใหญ่ที่สุด พร้อมโชว์ความปราดเปรียวบนทุกสภาพเส้นทาง และ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คลับแมน ที่ผสานการใช้งานอเนกประสงค์ในชีวิตประจำวันเข้ากับความสะดวกสบายเหนือระดับในสมรรถนะแบบสปอร์ต โดยทั้งสองรุ่นนี้ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ในเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้พละกำลังเช่นเดียวกับมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์ และมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ที่ 170 กิโลวัตต์ / 231 แรงม้า แต่เพิ่มแรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตันเมตร เพื่อมิติแห่งการขับขี่บนท้องถนนที่ตอบรับทุกความต้องการมากยิ่งขึ้น

มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน เป็นมินิรุ่นที่มีความจุสัมภาระสูงสุด เทียบเท่ากับมินิ คันทรีแมนรุ่นปกติ โดยมีความจุได้สูงสุดถึง 1,390 ลิตร พร้อมลุยทุกการผจญภัยด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL4 ที่มอบความแม่นยำและการตอบสนองที่ฉับไวในทุกสภาวะการขับขี่และทุกสภาพอากาศ ไม่ว่าจะเป็นการลัดเลาะตามทางคดเคี้ยวท่ามกลางสายฝน หรือการผจญภัยในป่า โดยสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรได้ภายใน 6.5 วินาทีบนท้องถนน

ส่วน มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คลับแมน พกพาทั้งความสนุกสนานและความอเนกประสงค์ มาพร้อมช่องเก็บสัมภาระขนาด 1,250 ลิตร ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL4 และส่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรภายใน 6.3 วินาที นอกจากนี้ ห้องโดยสารยังปลอดโปร่งด้วยหลังคากระจกแบบ panorama และเติมเต็มลุคสปอร์ตสุดขั้วด้วยชุดแต่งภายในสไตล์จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์

ทั้งมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน และมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คลับแมน มาพร้อมล้ออัลลอย John Cooper Works Course Spoke 2-tone ขนาด19 นิ้ว และจอระบบสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว รวมทั้งเทคโนโลยีล้ำสมัยให้ผู้ขับขี่ได้เชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดด้วยบริการจาก MINI Connected

เปิดประสบการณ์ Mixed Reality เพื่อการเข้าสู่เทคโนโลยีเสมือนจริงของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู หลากหลายรุ่น 

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ได้นำประสบการณ์ของรูปแบบเทคโนโลยีเสมือนจริง มาสู่โชว์รูมของบีเอ็มดับเบิลยู เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านได้สัมผัสกับรายละเอียดของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นต่าง ๆ รวมทั้งรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวไปล่าสุดในต่างประเทศ เช่น บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 8 ให้ลูกค้าทุกท่านได้เห็นรายละเอียดของรถยนต์ทั้งภายนอกและภายใน ด้วยโทนสีและสภาพแวดลัอมที่เลือกได้ ผ่านอุปกรณ์ HTC Vive VR Headset ที่นำเสนอภาพกราฟฟิครายละเอียดสูงผ่านระบบเลเซอร์ ประมวลผลด้วยชิพ Intel Core i7 และกราฟฟิคการ์ดของ Nvidia Titan X ซึ่งสามารถทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกเสมือนได้นั่งอยู่ในรถยนต์รุ่นนั้นๆจริง และได้เห็นรายละเอียดของอุปกรณ์ต่างๆได้อย่างชัดเจน เช่น พื้นผิวของเบาะหนังและรอยเย็บของด้ายบนเบาะที่นั่งนั้น ๆ

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, โรลส์-รอยซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยมีเครือข่ายการผลิต 30 แห่งใน 14 ประเทศ อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก

ในปี พ.ศ 2560 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์ 2,463,500 ล้านคัน และมอเตอร์ไซค์กว่า 164,000 คันทั่วโลก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีพนักงานทั้งหมด 124,729 คนทั่วโลก

ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นสาขาของ BMW AG ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2541 ประกอบด้วย    สามบริษัท ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการขายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยู และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านบริการทางการเงินสำหรับผู้จำหน่ายรถยนต์และลูกค้าบุคคล

ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2561 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประสบความสำเร็จเป็นประวัติการณ์ด้วยยอดส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ จำนวน 6,505 คัน ซึ่งสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 12% ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ก็สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดส่งมอบรถมอเตอร์ไซค์ทั้งสิ้น 1,094 คัน โตขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ด้วยสถิติดังกล่าว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จึงสร้างสถิติยอดส่งมอบ 7 เดือนสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์

ในด้านการผลิต โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียนที่ผ่านมา  นอกจากนี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู 30 แห่ง ใน 14 ประเทศทั่วโลก

ณ ปี พ.ศ. 2560 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถประกอบรถยนต์รุ่นต่างๆ ทั้งหมด 17 รุ่น  ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 1 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 Gran Turismo บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู X1 บีเอ็มดับเบิลยู X3 บีเอ็มดับเบิลยู X4 และบีเอ็มดับเบิลยู X5 สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 800 R บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 700 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR และ บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังขยายสายการประกอบรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด 4 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยู 530e บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู 740Le

 

สั่งจองนิตยสาร Howe โดยไม่ต้องรอหาตามแผงสั่งได้ที่
Line : Howemagazine
Fanpage : Howemagazine
รายละเอียดการสั่ง (คลิ๊ก)

อ่านนิตยสาร Howe Magazine ออนไลน์ได้ที่

Ookbee-Logo

 

LOGO-MEB-2017

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.