การผลักดันเศรษฐกิจของประเทศไทยภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลง ให้กลับคืนมาสู่สภาวะปกติอีกครั้ง เป็นหนึ่งในหน้าที่หลักของหน่วยงานสำคัญอย่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่แม้จะเป็นความท้าทาย แต่ก็ต้องเอาชนะให้ได้
คุณยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ย้ำอย่างหนักแน่นว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ถือว่ามีบทบาทสำคัญสำหรับประเทศไทยเป็นอย่างมาก “นับตั้งแต่ก่อนช่วงเกิดวิกฤตโควิด-19 ประเทศไทยของเรามีสัดส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวมากถึง 20% ของจีดีพี ทั้งประเทศ จากรายงานจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาประเทศไทยในปี พ.ศ. 2562 ระบุว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยสะสมเกือบ 40 ล้านคน สร้างรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก แต่พอเกิดวิกฤต ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางเข้ามาประเทศไทยได้ รวมถึงไม่สามารถเคลื่อนย้ายผู้คนไปตามสถานที่ต่างๆ ได้ ทำให้เกิดผลกระทบรุนแรง เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ นั่นจึงทำให้เราต้องพยายามคิดและทำงานกันตลอดเวลา เพื่อจะฟื้นคืนเศรษฐกิจของประเทศไทยภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง”
“เราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้การท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวกลับมา ตอนนั้นเราก็เลยมีความพยายามที่จะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว โดยคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยของพี่น้องและประชาชนในประเทศเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งความพยายามแรกที่เราทำคือ การออก Special Tourist Visa ในปี พ.ศ. 2563 แต่เนื่องจากความรุนแรงจากการระบาดของโรคโควิด-19 ยังมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมีการพิจารณาชะลอการดำเนินการออกไปก่อน”
แต่ที่เห็นเป็นรูปธรรมและเรียกว่าประสบความสำเร็จ ก็คงจะเป็นนโยบายภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ “เราเริ่มเปิดการท่องเที่ยวครั้งใหม่เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ที่ จ.ภูเก็ต หรือที่เรียกกันว่าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เพื่อรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาประเทศไทยครั้งแรกหลังจากสถานการณ์โควิด-19 โดยไม่จำเป็นต้องกักตัวอยู่ในที่พัก 14 วัน เหมือนกับที่ผ่านมา โดยเมื่อมีการตรวจผลเป็นลบแล้ว นักท่องเที่ยวก็สามารถท่องเที่ยวภายใน จ.ภูเก็ต ได้อย่างอิสระภายใต้มาตรการสาธารณสุข และเมื่อครบ 14 วัน ก็สามารถไปท่องเที่ยวจังหวัดอื่นๆ ได้” ถือเป็นจุดเริ่มต้นการกลับมาของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยอีกครั้ง
ผู้ว่าการ ททท. ยังบอกด้วยว่าการกลับมาครั้งนี้ “เราไม่ได้มองแค่มีนักท่องเที่ยวกลับมาเท่านั้น แต่ยังหมายความว่าจะทำให้คนไทยมีงานทำ ธุรกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัว ถือเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจที่ไม่ใช่แค่ผมเท่านั้น แต่เป็นคนใน ททท. ทุกคนยังถือได้ว่ามีส่วนร่วมสำคัญในการผลักดันให้การท่องเที่ยวของประเทศกลับมาด้วย”
จากความสำเร็จในจุดเริ่มต้น วันนี้ ผู้ว่าการ ททท. ยังเตรียมพร้อมที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวของไทยให้ก้าวต่อไป “เรามีแผนวิสาหกิจ พ.ศ. 2566 – 2570 โดยสิ่งที่เราจะทำต้องสอดคล้องกับหมุดหมายการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะทำให้การท่องเที่ยวมีมูลค่าสูงขึ้น รวมถึงมีความยั่งยืนตามมา และยังเป็นการส่องมอบประสบการณ์ที่มีคุณค่าให้กับนักท่องเที่ยวด้วย เพราะเราไม่อยากเปิดประเทศให้กลับมาเป็นการท่องเที่ยวแบบเดิม เราอยากให้เกิดการเริ่มต้นและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่อยู่บน 2 แนวทาง คือ การท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ด้วยการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มมูลค่า วึ่งจะนำมาสู่ความยั่งยืน”
ททท. เดินหน้ากระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้เดินทางมายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2566 ได้กำหนดแผนสื่อสารตลาดในประเทศด้วยแคมเปญ “เที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม” สร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวด้วยมุมมองใหม่ เติมความหมายของการเดินทางท่องเที่ยว เพื่อชดเชยช่วงเวลาที่พลาดโอกาสในการเดินทางจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะนี้จึงได้เวลาที่คนไทยจะออกไปเดินทางท่องเที่ยว ททท. จะนำเสนอแนวคิดในการสื่อสาร “โมเมนต์ที่ใช่ สร้างได้ไม่ต้องรอ” เพื่อประชาสัมพันธ์ให้คนไทยสร้างความสุขให้กับตัวเองและคนที่เรารัก ออกไปเที่ยวพร้อมดูแลธรรมชาติ นำไปสู่ช่วงเวลาที่แสนพิเศษ
“ความสำเร็จของประเทศไทยในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ดี ยังช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยกลายเป็น WORLD CLASS DESTINATION ด้านเฮลท์และเวลเนส เราจึงใช้โอกาสดังกล่าวดึงดูดนักท่องเที่ยวกลับมาประเทศไทย”
สำหรับตลาดต่างประเทศ สื่อสารโดยใช้แคมเปญ “Amazing Thailand : Amazing new Chapters” ที่ผู้ว่าการ ททท. ต้องการให้เป็นไปตามนโยบาบของรัฐบาลเพื่อพลิกโฉมประเทศไทย นำเสนอประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แสนพิเศษให้การเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทยมีความหมาย (Meaningful Travel) “ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไปสู่การพลิกโฉมใหม่ๆ เราจึงเน้นให้ความสำคัญกับกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ นอกจากนี้ความสำเร็จของประเทศไทยในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ดี ยังช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยกลายเป็น World Class Destination ด้านเฮลท์และเวลเนส เราจึงใช้โอกาสดังกล่าวดึงดูดนักท่องเที่ยวกลับมาประเทศไทย พร้อมกับการมีส่วนร่วมในการรักษาธรรมชาติ สร้างสมดุลให้พื้นที่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับการท่องเที่ยวของไทยในอนาคต”
ผู้ว่าการ ททท. ยังทิ้งท้ายด้วยว่า โลกใบนี้อาจจะมีทะเลสวยงาม มีภูเขาที่ทุกคนอยากปีน แต่สิ่งที่จะทำให้ประเทศไทยชนะใจนักท่องเที่ยวได้ คือ คนไทย “การเป็นเจ้าภาพที่ดี มีหัวใจอบอุ่น เรามักจะพูดเสมอว่าไม่ว่าจะมี Amazing New Chapters หรือ Chapter แบบไหนๆ ทว่าประเทศไทยก็ยัง Always Warm ที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคนให้กลับมาด้วยหัวใจที่อบอุ่น ด้วยความรักที่จะดูแลนักท่องเที่ยวทุกคน” นี่จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นอีกหัวใจสำคัญที่จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวประเทศไทยอีกครั้ง และตลอดไป
