“คนที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียง ไม่จำเป็นต้องเป็นศิลปิน ดารา” เป็นคำพูดที่ เอ๋ย-ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) พูดถึงคำว่าผู้ทรงอิทธิพล (Influencer) “แต่สิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องมีก็คือความคิดและปรัชญาแนวคิดที่แปลกใหม่และตอบรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน”
ซีอีโอสาวคนเก่งย้ำถึงคุณสมบัติอีกข้อที่คนเป็นอินฟลูเอนเซอร์ต้องมี นั่นคือ “พลังบวกที่สอดแทรกอยู่ในอณูของความคิดที่พร้อมจะส่งต่อไปยังคนรอบข้าง เพื่อให้เกิดการต่อยอดในด้านต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ ทั้งของตัวเขาเองและคนอื่น ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง และมีความท้าทายอย่างยิ่งยวดในปัจจุบัน”
เช่นเดียวกับตัวของ “เอ๋ย-ชมกมล” ที่วันนี้เธอเองมีพลังบวกอย่างเต็มเปี่ยม “เราเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีไฟอยู่ตลอดเวลา โดยได้รับพลังบวกมาจากคนในครอบครัว ทีมงาน และพนักงานในองค์กร ซึ่งพลังบวกของทุกคนเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีที่ทำให้ไฟในตัวของเอ๋ยลุกโชติช่วงได้ในทุกๆ วัน” และไม่ใช่แค่การได้รับพลังบวกมาเติมเต็มไฟแห่งความมุ่งมั่นในตัวของเธอเองเท่านั้น
“เอ๋ยมองว่าเราเองก็ยังต้องทำตัวเป็นอินฟลูเอนเซอร์ในตัวของเรา รวมถึงเป็นแรงบันดาลให้กับคนในองค์กร เพื่อให้เขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำในทุกวันล้วนมีคุณค่า มีความหมาย ไม่ใช่แค่ทำเพื่อองค์กรอย่างเดียว แต่ยังทำเพื่อตัวของเขาด้วยเหมือนกัน อาจเรียกได้ว่าเป็นการปลุกเชื้อไฟในตัวของเขา กระตุ้นและปลุกความมีคุณค่าในตัวของเขาเอง”
สำหรับวิธีการสร้างพลังบวก ซีอีโอสาวคนเก่งมองว่าวิธีหนึ่งที่เธอทำให้ลูกน้องที่มีกว่า 400 ชีวิตในองค์กรมีพลังบวก คือ เราจะต้องทำให้เขารู้สึกเหมือนกับเราที่อยากจะค้นหาสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา ไม่ว่าจะตัวเอง สังคม หรือคนรอบข้าง ซึ่งนั่นเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องสร้างและต้องทำให้เกิดขึ้น เราต้องเป็นผู้นำที่ทำให้เกิดแรงจูงใจ แล้วทุกอย่างก็จะตอบโจทย์ที่อยู่ตรงนั้นกลับมา”
ซีอีโอสาวบอกด้วยว่าเป้าหมายองค์กรเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่ทำให้เธอยังคงมุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างหนัก “เอ๋ยมุ่งหวังที่จะผลักดันให้องค์กรของเราเป็นหนึ่งในผู้นำด้านพลังงานของไทยอย่างครบวงจร นอกเหนือจากธุรกิจหลักคือการจัดจำหน่ายแก๊สแอลพีจีภายใต้แบรนด์เวิลด์แก๊ส ที่สามารถรักษาความเป็นผู้นำอันดับต้นๆ ของไทยไว้ได้มาโดยตลอด ซึ่งในวันนี้เราสามารถที่จะเพิ่มนวัตกรรมการบริการในรูปแบบของ Energy Service ที่พร้อมให้บริการลูกค้าของเราในกลุ่มอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม
ได้อย่างยืดหยุ่นตามความต้องการของแต่ละองค์กร พร้อมเสริมทัพด้วยการก้าวไปยังน่านน้ำของธุรกิจใหม่ๆ อย่างพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบโซลาร์รูฟท็อปที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี 2564
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เป้าหมายที่สำคัญที่สุดที่ซีอีโอท่านนี้ตั้งใจไว้ก็คือการต่อยอดธุรกิจของบริษัทฯ ออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง “เราพยายามผลักดัน และต่อยอดให้ธุรกิจของเราข้ามไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่อาจจะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักวันนี้”
ซึ่งล่าสุดเรายังได้เข้าไปลงทุนในธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับพลังงานอย่างธุรกิจอาหารภายใต้บริษัท วันเดอร์ฟู้ด โฮลดิ้ง ด้วยความร่วมมือกับ เชฟแอนดี้ ยังเอกสกุล เชฟมิชลินสตาร์ 2 ภูมิภาค แม้วันนี้อาจจะเป็นโปรเจกต์เล็กๆ แต่ก็เป็นอีกโอกาสหนึ่งของเราในการสร้างธุรกิจ เพราะวันนี้อะไรที่เป็นโอกาสใหม่ๆ เอ๋ยจะรีบคว้ามาทำ และเราเองก็ยังพร้อมรับไอเดียใหม่ๆ เข้ามาโดยไม่ปิดกั้นเลย เพื่อให้เราได้เจอกับโอกาสและความท้าทายใหม่ๆ ในอนาคต” ที่สำคัญซีอีโอยังบอกด้วยว่านี่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้องค์กรเกิดการต่อยอดรายได้ และยังเป็นการกระจายความเสี่ยงในเชิงของกำไรที่องค์กรจะได้รับต่อไป
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้สะท้อนความสำเร็จของบริษัทฯ ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจที่ยาวนานถึง 42 ปี โดยมีจุดมุ่งหมายคือการเคียงข้าง สร้างรอยยิ้มให้กับคนไทยในทุกภาคส่วนที่เป็นเหมือนเพื่อน เหมือนคนในครอบครัวเดียวกันกับเรา ไม่ว่าจะพนักงานหรือลูกค้า เพราะทุกคนถือเป็นคนสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ เราเติบโต และต้องพึ่งพาอาศัยกันและกันไปอีกนาน”
จะว่าไปแล้ว “เอ๋ย-ชมกมล” ถือเป็นนักธุรกิจและซีอีโอที่มีความทุ่มเทในการทำงาน เพราะชีวิตของเธอกว่า 95% เธอยกให้กับการทำงาน ส่วนอีก 3% เธอขอให้กับครอบครัว และที่เหลืออีก 2% หรือน้อยกว่านั้น เธอบอกว่า ให้กับตัวของเธอเอง เพราะทุกวันเธอคิดแต่เรื่องของงาน “เอ๋ยจะคิดแต่เรื่องงานเป็นประจำ และมักชอบฟังการสนทนาในเชิงธุรกิจ เพราะบางครั้งเราอาจจะเจอจิ๊กซอว์ตัวที่เราขาด แล้วนำมาเติมเต็มความคิดของเราให้สมบูรณ์ขึ้นก็ได้”
เอ๋ย-ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นซีอีโอที่มีความเป็นอินฟลูเอนเซอร์ในตัวของเธอเอง และพร้อมที่จะส่งต่อพลังบวกให้กับทุกคนรอบตัวเธออยู่ตลอดเวลา