ดราม่าอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 คลัสเตอร์ปาร์ตี้วันเกิดของดีเจมะตูม-เตชินท์ พลอยเพชร ที่ล่าสุด หนุ่มข้าวโอ๊ต-คริษฐ์ พรรณธรรม สมาชิกวงบอยแบนด์ Axis ยอมรับว่าเป็นนักร้องบอยแบนด์ติดโควิด-19 จริง หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกรณีการปกปิดข้อมูลไทม์ไลน์
ขณะที่วันนี้ 28 มกราคม 2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด -19 หรือ ศบค. กล่าวถึงเคส “ดีเจมะตูม” ว่ามีรายงานพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพิ่มอีก 2 ราย รวม 26 ราย เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 113 ราย ผู้สัมผัสเสียงต่ำ 53 ราย และอาจจะมีตัวเลขทยอยรายงานอีก เพราะขณะนี้ผู้ติดเชื้อมีการให้ข้อมูลไทม์ไลน์ที่คลาดเคลื่อน ไม่สอดคล้อง หรือบางคนมีการปกปิดข้อมูล ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวอาจฝ่าฝืนพ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 รวมไปถึงกฎหมาย อื่นๆ โดยมีความผิดฐานขัดขวางไม่อำนวยความสะดวกต่อเจ้าพนักงานโรคติดต่อมาตรา 55 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558
ส่วนสถานที่จัดการเลี้ยงสังสรรค์อาจมีความผิดกรณีการฝ่าฝืนมาตรการไม่ประกาศ การป้องกันโรค ไม่มีการเว้นระยะห่าง บุคคลที่ร่วมงานเลี้ยงอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนการห้ามทำกิจกรรมหรือมั่วสุมในสถานที่แออัดซึ่งเป็นมาตรการตามข้อกำหนดมาตรา 9 ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการรายงานการกระทำความผิดด้านกฎหมาย
อย่างไรก็ตามขณะนี้เกิดปรากฏการณ์สังคมลงโทษผู้ติดเชื้อโควิด-19 จึงอยากให้สังคมติดตามข่าว โดยไม่ใช้อารมณ์ตัดสิน ซึ่งการลงโทษผู้ติดเชื้อ ไม่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆ ขอให้กฎหมายเป็นผู้ดูแล แต่ประชาชนก็สามารถนำกรณีนี้ไปเรียนรู้เพื่อหามาตรการป้องกันในต่อไป
ทั้งนี้ กรณีผู้ป่วยโควิด -19 ปกปิดข้อมูลในไทม์ไลน์ ทางศบค.ได้ประสานแจ้งไปยังกรุงเทพมหานคร เพื่อขอให้ตรวจสอบและดำเนินการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ดังนี้
1.กรณีที่บุคคลให้ข้อมูลไม่สอดคล้องกัน หรือมีการปฏิเสธหรือปกปิดข้อมูลซึ่งควรต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ อาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกแก่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตามมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท รวมถึงอาจมีความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ตามมาตรา 137 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2.กรณีสถานที่ซึ่งใช้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนการห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคและไม่จัดให้มีมาตรการป้องกันโรคตามที่ราชการกำหนด รวมถึงกรณีบุคคลที่ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ดังกล่าว อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนการห้ามทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกันในสถานที่แออัด ซึ่งเป็นมาตรการตามข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด- 19) ที่ 1/2564 ลงวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2564 โดยพื้นที่ควบคุมสูงสุดจำเป็นต้องมีมาตรการที่เข้มงวดเพื่อป้องกันและควบคุมมิให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
ขอบคุณ ที่มา : dj_matoom ทำเนียบรัฐบาล