Naturopathic
เราไม่เคยรู้เลยใช่ไหมคะว่า “ธรรมชาติ” ได้สรรสร้างร่างกายของมนุษย์มาเพื่อให้สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งพาการรับประทานยาที่เกินความจำเป็น ซึ่งอาจส่งผลข้างเคียงกับร่างกายของเราในระยะยาว และการรักษาแบบธรรมชาติบำบัดนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการรักษาโรคที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
“Naturopathic หรือ ธรรมชาติบำบัด” คือ การรักษาอาการเจ็บป่วยด้วยวิธีทางธรรมชาติ ทั้งเรื่องการดำรงชีวิตและเรื่องอาหารการกิน รวมไปถึงเรื่องของสุขภาพจิต ที่ต้องทำการรักษาโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อาหารการกิน และความคิด ทัศนคติใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ร่างกายได้มีเวลาเยียวยาตนเองตามธรรมชาติ โดยไม่ก่อให้เกิดผลเสียหรืออาการข้างเคียง ซึ่งการรักษาแบบธรรมชาติบำบัดนี้ มีด้วยกันหลายรูปแบบ เช่น การรับประทานอาหารคลีน มังสวิรัติ นวด กดจุด สปา วารีบำบัด โยคะ พิลาทิส ฝังเข็ม ดีท็อกซ์ ฝึกวิปัสสนากรรมฐาน ฯลฯ
คุณป่วยบ่อยไหม ?
ปกติเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยเราก็มักจะไปหาหมอที่โรงพยาบาล และได้ยามารับประทานตามอาการ หากใครป่วยบ่อยก็ต้องรับประทานยาบ่อย ซึ่งยาเหล่านั้นล้วนแต่เป็นสารที่สังเคราะห์ขึ้นมาเพื่อลดอาการเจ็บป่วยหลังจากที่เราป่วยไปแล้ว จึงเหมือนเป็นการรักษาแค่ที่ปลายเหตุ ยาที่รับประทานเข้าไปก็ไปสะสมอยู่ในร่างกายของเรา พอสะสมมากขึ้นก็เกิดเป็นผลข้างเคียง และได้โรคอื่นเพิ่มขึ้นตามมาอีก การรักษาโรคที่ถูกวิธีจึงควรรักษาตั้งแต่ต้นเหตุของการเกิดโรค โดยทำการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้ชีวิตในแต่ละวัน เพื่อสรุปหาสาเหตุของอาการเจ็บป่วย
สัญญาณเตือน
ร่างกายจะแสดงอาการต่างๆ ออกมา เพื่อเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้รู้ว่าร่างกายกำลังอ่อนแอในขณะที่เราสะสมเชื้อโรคไว้มากมาย หรือเรากำลังได้รับเชื้อโรคจากภายนอก และร่างกายได้พยายามต่อสู้ เพื่อกำจัดเชื้อโรคให้ออกไป อย่างเช่น การไอหรือจามแรงๆ หรือเป็นผื่นคันที่ผิวหนัง คันเยื่อบุตา น้ำมูกไหล เมื่อได้รับฝุ่น ควัน มลพิษ และสารเคมีต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย รวมไปถึงอาการท้องเสีย ที่แสดงให้เห็นว่าร่างกายกำลังกำจัดสารพิษและเชื้อโรคให้ออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว หรือแม้แต่อาการแพ้อาหารบางชนิด นอนไม่หลับ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ปวดศีรษะ เป็นไข้ อ่อนเพลีย ปวดข้อหรือปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือน ว่าร่างกายกำลังอ่อนแอหรือเกิดการอักเสบขึ้น ณ บางจุดของร่างกาย ให้เราต้องสืบหาสาเหตุให้แน่ชัดกันต่อไป
สาเหตุ
เกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล เช่น การรับประทานอาหารที่มีสารพิษปนเปื้อน , การรับประทานยารักษาโรคติดต่อกันเป็นเวลานาน , การทำงานหนักหักโหมเกินไป , พักผ่อนไม่เพียงพอ , ความเครียดสะสม , ขาดการออกกำลังกาย , การทำงานในสภาพแวดล้อมที่ต้องสัมผัสกับสารเคมีและมลพิษ
การบำบัดแบบธรรมชาติดีอย่างไร
เป็นการรักษาร่างกายให้กลับมามีความสมดุล โดยในอันดับแรกต้องมีการตรวจเลือด เพื่อหาสาเหตุของการเกิดโรคก่อน วิธีการบำบัดแบบธรรมชาติก็มีหลายวิธี เช่น ให้อาหารเสริมจากธรรมชาติ , ใช้สารสกัดจากพืชสมุนไพร , จัดตารางโภชนาการ , ให้สารอาหารทางหลอดเลือด , บำบัดด้วยฮอร์โมนธรรมชาติ , การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต , เพิ่มการออกกำลังกาย , ทำกายภาพบำบัด , ฝึกการสงบจิตใจ , นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้น หากผู้ที่มีอาการป่วยรับประทานยาแผนปัจจุบันอยู่ด้วย ก็สามารถทำการรักษาแบบธรรมชาติที่ไม่ขัดแย้งกับยาที่รับประทานอยู่ได้ หรือใช้ธรรมชาติบำบัดเพื่อใช้รักษาโรคให้น้อยลง ข้อดีคือ ร่างกายได้ปรับสภาพสู่กระบวนการทางธรรมชาติ อาการเจ็บป่วยลดลงมีภูมิต้านทานโรคเพิ่มมากขึ้น และเมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้นแล้ว ก็สามารถต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อมูลอ้างอิง : ศูนย์การแพทย์เนเชอโรพาธิค NICHE Natural Health