จบรัก 11 ปี “ตุ้ย ธีรภัทร์” เปิดใจหย่า “แอนนา”

0
1213

“ตุ้ย” ธีรภัทร์ สัจจกุล ออกมาเปิดใจยอมรับหย่า “แอนนา” นาตาชา เปลี่ยนวิถี อดีตภรรยาสาวจริง หลังครองรักมานานกว่า 11 ปี หลังถูกโยงข่าวลือ “อดีตดารา-นักร้องผิวเข้มหย่าภรรยานางแบบ”

โดยเมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา “ตุ้ย ธีรภัทร์” ได้ออกมาเปิดใจเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่าเป็นคู่ของตนและแอนนาจริง ซึ่งหย่าได้ประมาณ 4-5 เดือนแล้ว โดยก่อยหน้าที่จะตัดสินใจเซ็นใบหย่าก็ได้แยกกันอยู่มาสักพักใหญ่แล้ว เหตุเพราะทัศนคติและมุมมองการใช้ชีวิตไม่สอดคล้องกัน ยืนยันไม่มีมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยหลังจากนี้ขอทำหน้าที่พ่อและแม่ให้เต็มที่ที่สุดเพื่อลูกชายน้องไตตั้น

จากข่าวเรื่องหย่า มีความจริงมากน้อยขนาดไหน ?
“ก็เป็นความจริงครับ

มีข่าวว่าหย่าได้ประมาณ 4-5 เดือนแล้ว ?
ก็ประมาณนั้นครับ ก็แยกกันอยู่ก่อนหน้านั้นมาสักพักใหญ่แล้วครับ”

ตลอด 2 ปี ที่ผ่านมา มักจะมีข่าวเรื่องเตียงหักมาตลอด คือเรื่องจริงใช่ไหม ?
“เตียงไม่ได้หักครับ (หัวเราะ) เรียกว่าก็คงเหมือนชีวิตคู่ของหลายๆคน ที่มีทั้งราบรื่นบ้าง มีปัญหาบ้าง ก็คงต้องใช้คำว่าก็พยายามแล้วที่จะปรับตัวเข้าหากัน พยายามที่จะทำให้มันดีขึ้น แต่ว่าก็คงจะมาถึงจุดที่เราทั้งสองคนเห็นตรงกัน และตัดสินใจกันด้วยเหตุและผลที่จะเปลี่ยนสถานะ”

สาเหตุหลักๆที่ทำให้ต้องเลิกกัน ?
“จริงๆ สาเหตุหลักมันคงจะเป็นเรื่องของทัศนคติ และก็มุมมองในการใช้ชีวิตที่อาจจะไม่สอดคล้องกัน”

อายุที่ห่างกันประมาณ 5 ปี มันมีส่วนเกี่ยวข้องไหม ?
“ไม่เกี่ยวเลยครับ ผมไม่เชื่อว่าในมุมของอายุมันจะมีผล แต่ผมเชื่อว่ามันคงเป็นที่ความคิด และมุมของการใช้ชีวิตมากกว่า”

เรื่องการดูแลลูกตกลงกันอย่างไร ?
“หลักๆ ก็คงจะอยู่ที่แอนนาครับ แต่ก็อยู่ไม่ไกลกันหรอกครับ”

เรื่องมือที่สาม?
“ไม่มีแน่ๆครับ ไม่มีครับ ไม่มีมือที่สามครับ”

ที่ผ่านมาเคยมีเรื่องสาวๆ ที่ทำให้แอนนาเข้าใจผิดบ้างไหม ?
“ไม่มีหรอกครับ ไม่มี เพราะที่ผ่านมาผมคิดว่าประเด็นนี้ไม่ใช่ประเด็นที่จะมีผลอะไรทั้งสิ้นในการตัดสินใจ”

ในเรื่องของทัศนคติที่ไม่เหมือนกัน ทราบเมื่อไหร่ว่ามันไม่เหมือนเดิมแล้ว?
“มันก็คงจะเป็นระยะๆครับ และผมคิดว่ามันคงจะเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน ที่พอเรามีความคิดเห็นในมุมมองในเรื่องต่างๆ ก็ได้ใช้เวลาในการปรับตัวเพื่อดำเนินต่อให้มันราบรื่นที่สุด แต่ว่าในที่สุดมันก็คงจะมาถึงจุดที่เรา เราตัดสินใจตรงกัน”

ในวันที่ตัดสินใจแล้วว่าจะแยกทางกัน มันลำบากใจมากน้อยแค่ไหน?
“ก็แน่นอนครับ มันก็ต้องเป็นความเสียใจ ผิดหวังอยู่แล้ว เพราะว่าจุดเริ่มต้นมันเกิดมาจากความตั้งใจที่ดี ความรู้สึกดีๆ เพียงแต่ว่าถ้ามันถึงช่วงหนึ่งของชีวิต ของเส้นทางที่มันดำเนินมาแล้วมันไม่สามารถไปต่อได้ ก็ต้องยอมรับความจริง และคุยกันเพื่อตัดสินใจว่า เราจะเปลี่ยนสถานะ เปลี่ยนบทบาทเป็นพ่อและแม่ ที่จะดูแลลูกที่น่ารักต่อไป”

ใครเริ่มต้นการตัดสินใจเรื่องการหย่า ?
“มันไม่มีใครเริ่มต้นครับ มันไม่มีจุดเริ่มต้น เพราะมันไม่ใช่ฉากหนัง มันผ่านการพูดคุยกัน และยอมรับในธรรมชาติของกันและกันมากกว่า”

ลูกชายเข้าใจเรื่องที่เกิดไหม อธิบายกับลูกยังไง ?
“ถ้าถามตอนนี้ ผมไม่ทราบหรอกว่าเขาเข้าใจหรือไม่เข้าใจ เพราะในมุมเรา เราก็มอง เรายังเห็นเขา…ก็คงต้องเข้าใจในสักวันหนึ่งแหละ”

เตรียมคำตอบไว้ให้ลูกยังไง ที่ในสักวันหนึ่งลูกอาจจะตั้งคำถาม เพราะที่ผ่านมาเขาเห็นพ่อแม่อยู่ด้วยกันตลอด ?
“ไม่ต้องเตรียมหรอกครับ ผมเชื่อว่าลูกผมก็คงจะมีสัญชาตญาณในการปรับตัว และเข้าใจด้วยเซ้นส์ของเขา”

จะประคับประคองความรู้สึกของลูกยังไงต่อไป กับความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนเดิมของพ่อและแม่?
“ผมเชื่อว่าความรักระหว่างความเป็นพ่อเป็นแม่ก็ยังเหมือนเดิม และผมก็เชื่ออีกว่าความรักเหล่านี้เขาสามารถรับรู้ได้ในความเป็นลูก เพียงแต่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนจะเป็นลักษณะไหนนั้น ผมคงตอบวันนี้ไม่ได้ แต่ผมแค่เชื่อว่าด้วยความรักของเราทั้งสองคนที่พร้อมจะดูแลเขาต่อ เขาก็น่าจะมีพลังความรักของพ่อแม่ในการที่จะเติบโตไปในโลกที่หมุนและปรับเปลี่ยนเร็วมากได้อย่างแข็งแรง”

วันนี้แอนนาทราบไหม ที่มาสัมภาษณ์ ?
“ทราบครับ เราคุยกัน ว่าผมจะเป็นคนพูดแทน เราเห็นตรงกัน ก็คุยกันว่าในเแนวทางนี้มันก็คงจะถึงจุดที่อาจจะต้องชี้แจงว่าสถานการณ์เป็นยังไง ก็เข้าใจตรงกัน”

เสียดายเวลา 11 ปี ไหม ?
“มันเสียดายอยู่แล้วครับ แต่ถามว่าเสียดายแล้วเราต้องเดินต่อไหม เราก็คงจะต้องเดินต่อ”

คำว่าเดินต่อ ได้วางแผนชีวิตไว้ยังไง ?
“เอาตรงๆเลยนะครับ ผมยังไม่ได้วางแผนใดๆเลยทั้งสิ้น เพราะผมคิดว่าผมยังอยู่กับปัจจุบัน และก็ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด หายใจลึกๆ แล้วก็เดินต่อไป”

ยังรับงานบันเทิงเหมือนเดิม ?
“งานบันเทิงก็ยังมีครับ ยังมีอยู่เหมือนเดิม”

นอกจากเรื่องมือที่สามแล้ว ยังมีข่าวลือเรื่องของธุรกิจเข้ามาเกี่ยวด้วย ?
“คือเรื่องธุรกิจมันเป็นปัญหาที่ค่อนข้างละเอียดซับซ้อนนะครับ แต่ถามว่าเกี่ยวไหม ไม่เกี่ยวครับ

เป็นเรื่องของคนสองคนที่ไม่เข้าใจกันแล้ว?
เป็นเรื่องของทัศนคติในการใช้ชีวิตที่ไม่สอดคล้องกันมากกว่าครับ”

วันนี้ยังรักแอนนาอยู่ไหม ถึงแม้ว่าจะเลิกกันแล้ว ?
“ก็รักในฐานะของความเป็นเพื่อนที่ดี ทีมเวิร์กที่ดี และในการที่เราจะแชร์ความรักของเราไปให้ลูกของเราให้ดีที่สุด”

สภาพจิตใจของแอนนาตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
“ก็แน่นอน ต่างคนก็ต้องผ่านระยะเวลาของการ เสียใจนะครับ แต่ว่าคงเป็นระยะเวลาที่เราก็คงจะต้องปรับตัว และก็เดินต่อไปในทิศทางที่ ที่เราคิดว่าเหมาะสมที่สุด”

ในส่วนของรายละเอียดเรื่องการหย่า มีการแบ่งสินสมรสกันยังไงบ้าง ?
“ถ้ารายละเอียดตรงนี้ต้องขออนุญาตไม่ชี้แจงดีกว่าครับ”

คุณพ่อ ท่านไม่ทราบว่าหย่ากันแล้ว ?
“ก็ต้องเรียกว่า คุณพ่อผมอยู่อีกที่หนึ่งนะครับ และนานๆจะนัดกินข้าวที ซึ่งท่านก็อายุมากแล้ว ก็เลยไม่อยากเอาเรื่องไม่สบายใจไปรบกวนจิตใจท่าน”

จะอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไหม ?
“คุยเรียบร้อยแล้วครับ คุณพ่อก็บอกว่า อ้าวเหรอ และก็หัวเราะ

ท่านให้กำลังใจไหม ?
จริงๆท่านก็ให้กำลังใจตลอดนะครับในมุมของการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตไหนๆ ในชีวิตก็ตาม ก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ คงไม่มีอะไรดีอยู่เสมอ หรือว่าเลวร้ายเสมอ ทุกอย่างมันต้องปนๆกันไป เพียงแต่ว่าเราต้องมีสติที่ดี และก็ดำเนินชีวิตไปให้สมดุลที่สุดเท่าที่เราจะทำได้”

วันนี้โล่งไหมได้ออกมาพูดแล้ว ?
“มันก็ไม่เกี่ยวหรอกครับว่าวันนี้จะทำให้โล่ง หรือพรุ่งนี้จะทำให้สบาย แต่มันก็คงจะเป็นอีกจุดหนึ่งที่เราก็มองเห็นแล้วว่า ถึงวันหนึ่งเราก็ต้องออกมาชี้แจง ซึ่งเวลานั้นก็คือวันนี้ ถามว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง ยังไม่ทราบเหมือนกัน”

ทำงานได้มีกำลังใจ มีสมาธิ?
” มีสติดีกว่า ก็มีสติในทุกๆการตัดสินใจ แล้วก็เดี๋ยวมันก็คงจะต้องเห็นทางที่จะเดินต่อไป “

ได้เห็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์บ้างไหม ?
“เอาตรงๆเลยนะครับ ยังไม่ได้อ่านอะไรเลย เพราะละครเพิ่งปิดกล้อง”

หลายคนมองว่าเราเจ้าชู้ มีมือที่สาม อยากจะอธิบายอะไรไหม?
“ไม่มีแน่ๆครับ ไม่มีมือที่สามครับ”

สมมติในอนาคตเราเดินหน้าต่อไป และมีคนใหม่เข้ามาในชีวิต จะต้องระวังไหม เพราะเขาอาจจะถูกโยงว่าเป็นสาเหตุในการเลิก?
“ผมมองว่าอยู่ที่เรา มุมมองธรรมชาติของเราเป็นยังไง คือแน่นอนในแรงกดดัน หรืออะไรต่างๆ มันต้องมีเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ก็ต้องเรียนว่า ในการทำงานมาก็เกือบ 20 ปี มันก็มีทั้งเรื่องราวที่สุ่มเสี่ยงบ้าง เรื่องราวที่น่ายินดีบ้าง หรืออาจจะไม่น่ายินดีบ้าง ผมคิดว่ามันก็ปะปนกันไป แต่ถามว่ามันจะกระทบกับการตัดสินใจของเรามากน้อยแค่ไหน ผมคิดว่าในที่สุดแล้วมันก็อยู่ที่ตัวเรา อยู่ที่ใจเรา

ยังสามารถเจอกับแอนนาได้ไหม ?
“ถ้าเรื่องพูดคุย ก็พูดคุยกันอยู่แล้วครับ และจริงๆแล้วก็ไม่ได้อยู่ห่างกันมาก ก็ยังมีความห่วงใยให้กันและกันตลอดเวลา เพราะยังไงก็ตามเราก็ยังอยากสื่อสารความความสุขกับลูกของเราอยู่ เพราะผมเชื่อว่านี่คือสิ่งสำคัญ แค่เราเปลี่ยนชุดความคิดนิดหนึ่ง เพื่อให้ทุกอย่างมันดำเนินไปได้ราบรื่นที่สุด”

มีการเปลี่ยนแพลนไหม ในฐานะการเป็นพ่อแม่ ?
ในฐานะพ่อแม่ไม่เปลี่ยน และจะไม่มีวันเปลี่ยนด้วยครับ

สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้มองเรื่องชีวิตคู่เปลี่ยนไปไหม?
“ถ้ากับตัวเองก็คงจะ จะต้องกลับมาทำความเข้าใจกับตัวเองบ้าง เพราะต้องบอกว่า วิกฤตครั้งนี้มันมีเรื่องให้เราต้องเคาะตัวเองเหมือนกันว่า ในการเดินต่อไป เราบกพร่องตรงไหน และเราจะแก้ไขข้อพกพร่องเหล่านั้นได้ยังไง แล้วจะทำให้เรามีกำลังใจในการเดินต่อ มีพลังในการทำงานต่อได้อย่างไร มันก็ต้องกลับมาดูแลตัวเองเหมือนกันครับ”

ด้วยความที่เราเป็นนักแสดง เป็นนักธุรกิจ ต้องทำงานต่างๆ อันนี้เป็นส่วนหนึ่งไหม ที่เป็นสาเหตุทำให้มีเวลาให้ครอบครัวน้อย?
“ในส่วนของเวลาแน่นอนครับ มันต้องมีผลกระทบอยู่แล้ว อาจจะโดยธรรมชาติของเราเป็นนักกีฬา เวลาลงสนามเราก็ต้องเต็มที่ ถามว่ามันมีส่วนไหม ก็ต้องมีแหละ ถามว่ามันจะเปลี่ยนธรรมชาติในการทำงานของเราไหม มันก็ต้องไปคิดครับ มันก็ยากพอสมควร”

การทำงานหนัก เป็นส่วนที่ทำให้มีเวลาให้ครอบครัวน้อย?
“ก็มีผลครับ ยอมรับว่ามีผล”

เคยมีปัญหากับเรื่องนี้?
ก็เคยมีครับ

ได้พยายามที่จะปรับจูนเรื่องนี้บ้างไหม ?
“พยายามมาตลอดครับ เพราะเรื่องเวลาก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเหมือนกันที่มันอาจจะไม่ราบรื่นนัก”

มองว่าการหย่าคือคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว ?
“ไม่ได้มองครับ แต่ว่ามันเป็นเรื่องของการพูดคุยกัน เราก็คุยกันด้วยเหตุและผลด้วยสติ เอาอารมณ์วางไว้ข้างๆ ก็คงจะเป็นทางเลือกที่เห็นร่วมกันแล้วว่ามันน่าจะเหมาะที่สุด”

ต่างคนมองว่ามันไม่มีความสุขที่จะใช้ชีวิตแบบเดิม ?
“คิดว่ามันไม่ใช่การบอกว่า ไม่มีความสุขและเดินต่อไม่ได้ เพียงแต่ว่าถ้าเราไม่เปลี่ยนมันจะสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีก ก็เท่านั้นเอง”

ตอนนี้แยกบ้านกันอยู่แล้ว ?
“ก็แยกกันอยู่ครับ แต่ไม่ไกลกันมาก มีโอกาสได้เจอกันเรื่อยๆ”

ตกลงกันว่าจะทำหน้าที่พ่อและแม่ให้เต็มที่ที่สุดเพื่อลูก ?
“ใช่ครับ”

11 ปี ที่ผ่านมา ไม่มากพอที่จะยื้อคนสองคนได้ ?
“ผมไม่ได้มองในเชิงของตัวเลข เวลา หรืออะไรก็ตาม เพราะผมคิดว่ามันไม่ใช่ปัจจัยที่จะทำให้เรามาพิจารณาในแนวนั้น แต่ผมมองในมุมของทัศนคติ มุมมองการใช้ชีวิตต่างๆมันไม่สอดคล้องกันก็เท่านั้นเอง”

ขอบคุณภาพจาก IG : tuipptitan , natasha_plienvit

สั่งจองนิตยสาร Howe โดยไม่ต้องรอหาตามแผงสั่งได้ที่
Line : Howemagazine
  Fanpage : Howemagazine
รายละเอียดการสั่ง (คลิ๊ก)

  อ่านนิตยสาร Howe Magazine ออนไลน์ได้ที่

Ookbee-Logo
LOGO-MEB-2017
Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.