ดร.ลาลีวรรณ กาญจนจารี  “อุทิศตนทำงานเพื่อสังคมไทยให้ดียิ่งขึ้น”

0
45

ดร.เจี๊ยบ-ลาลีวรรณ กาญจนจารี ประธานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ กว่า 30 ปีที่เธออุทิศตนทำงานเพื่อสังคมในฐานะสตรีนักสังคมสงเคราะห์ที่ทำงานให้กับมูลนิธิและสมาคมต่างๆ มากมาย ด้วยจิตมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้ขาดโอกาสทางสังคม ซึ่งนอก เหนือตำแหน่งประธานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์แล้ว เธอยังดำรงตำแหน่งรองประธานมูลนิธิกฤตานุสรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ นายกสมาคมสตรีเพื่อสตรี นายกสมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย-กรุงเทพฯ และเป็น Zonta Inter-national Foundation Development Committee Member ด้วยความตั้งใจที่จะพัฒนาและช่วยเหลือผู้คนในสังคมให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างยั่งยืน

“ดิฉันให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับสมาคมและมูลนิธิต่างๆ เพื่อช่วยเหลือเด็ก เยาวชน สตรี คนพิการ และผู้ขาดโอกาสทางสังคม โดยมีส่วนเข้าไปช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง กว่า 30 ปีที่ดิฉันทำงานเพื่อสังคม จนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญในมูลนิธิ สมาคม และสโมสรต่างๆ รวมทั้งได้มีบทบาทในการเข้าไประดมทุนช่วยเหลือผู้คนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นี่ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ดิฉันมองว่าเรื่องการศึกษาถือเป็นรากฐานของการพัฒนาสังคม และประเทศ เรามอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่ขาดแคลน รวมทั้งส่งบุคลากรเข้าไปอบรมอาชีพให้กับกลุ่มแม่บ้าน และสตรีที่ขาดโอกาสทางสังคมได้มีอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืน ดิฉันเองตั้งใจว่าจะทำงานเพื่อสังคมต่อไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและสังคมให้ดียิ่งขึ้น”

“การที่ดิฉันชอบทำงานการกุศลเนื่องจากดิฉันเห็นคุณแม่ (คุณหญิงสวลี ชลวิจารณ์) ท่านทำงานช่วยเหลือสังคมมาโดยตลอด ทั้งเคยดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และมูลนิธิกฤตานุสรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ บ่อยครั้งที่ดิฉันได้ติดตามคุณแม่ไปร่วมงาน และกิจกรรมเพื่อการกุศลอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งได้ซึมซับและตั้งปณิธานว่า จะทำงานการกุศลเพื่อช่วยเหลือสังคมอย่างจริงจังเหมือนอย่างที่ทำอยู่ในปัจจุบันนี้”

“นอกจากนี้ ที่ผ่านมาดิฉันได้มีโอกาสได้ทำงานเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงวัฒนธรรม ถือว่าได้มีส่วนในการดูแลงานทั้งในส่วนของการส่งเสริมงานศิลปะหัตถกรรมของไทย รวมทั้งรับผิดชอบงานภาคเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนระหว่างประเทศ ทั้งยังมีส่วนร่วมในการจัดงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ ในฐานะประธานงาน Western China International Fair for Investment and Trade (WCIFIT) ครั้งที่ 7 ที่นครฉงชิ่ง ประเทศจีน และยังได้หารือทวิภาคีกับรองนายกเทศมนตรีเมืองฉงชิ่ง เพื่อส่งเสริมความร่วมมือร่วมกัน ทั้งการลงทุน และพัฒนาคนในทุกกลุ่มโดยใช้ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนโยบายที่สร้างสรรค์ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาประเทศ” “งานที่รับผิดชอบไม่ได้มุ่งเน้นแค่ประสานงานหรือทำกิจกรรมเพื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังร่วมมือกับกระทรวงอื่นๆ เช่น การจัดงานเสวนาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ เพื่อพัฒนากลุ่มเปราะบาง และการส่งเสริมให้เยาวชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านการเป็นอาสาสมัคร รวมทั้งติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในฐานะตัวแทนประเทศ ได้นำคณะผู้แทนทางการทูตของสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยสำรวจบ้านเรือนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบที่จ.สุรินทร์ รวมทั้งพบปะกับประชาชนในพื้นที่รับฟังข้อเท็จจริง เพื่อให้คณะฯ ได้เห็นหลักฐานเชิงประจักษ์และรับทราบถึงการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ อย่างร้ายแรงของกัมพูชา ซึ่งงานที่ได้รับมอบหมายเหล่านี้นับเป็นความภาคภูมิใจ”

“การที่ดิฉันได้มีส่วนร่วมทั้งการทำงานเพื่อสังคม และงานการเมืองถือเป็นงานที่ช่วยพัฒนาสังคม และมีส่วนร่วมในการยกระดับชีวิตให้กับนักเรียน เด็ก สตรี และผู้ที่ขาดโอกาสทางสังคมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ดิฉันมองว่าการเสียสละ และทำงานเพื่อส่วนรวมไม่ว่าจะในภาคส่วนไหน ก็ล้วนแต่สร้างประโยชน์ให้กับสังคมได้ทั้งสิ้น ดิฉันเองตั้งมั่นว่าจะทำงานเพื่อสังคมตลอดไป” “ดิฉันมองว่าการศึกษาถือเป็นรากฐานของการพัฒนาสังคม และประเทศ เรามอบทุนการศึกษาให้บุตร-ธิดา ทหาร ตำรวจ อาสาสมัครที่สู้รบปกป้องประเทศชาติ จนบาดเจ็บ ทุพลลภาพ หรือเสียชีวิต รวมทั้งส่งบุคลากรเข้าไปอบรมอาชีพให้กลุ่มแม่เลี้ยงเดี่ยว ให้มีอาชีพเลี้ยงครอบครัว ดิฉันตั้งใจว่าจะทำงานเพื่อสังคมต่อไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและสังคมให้ดียิ่งขึ้น”

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.