ดร.เจี๊ยบ หรือ ดร.อลิศา เธียรวร คุณแม่คนเก่งมากความสามารถ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของลูกๆ วันนี้เธอควงคู่มากับลูกสาวคนโต น้องเอฎา (เอ-ด้า) – ปุณศิรา เธียรวร สาวน้อยวัย 16 ปี นักเรียนไฮสกูลจากอเมริกา ผู้มีผลงานพ็อกเกตบุ๊กเล่มแรกในวัย 8 ปี และเพิ่งออกผลงานเล่มล่าสุด “My Papa Taught Me to Invest” หนังสือเกี่ยวกับการลงทุนและบริหารจัดการเงิน ที่อ่านเข้าใจง่ายเหมาะกับวัยรุ่นและเด็กๆ รวมถึงได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 1 ในหมวด New Releases – Morals & Responsibility บน Amazon.com และครองอันดับ 3 ในหมวด Teen & Adult Business & Economics ภายในไม่กี่วันหลังวางจำหน่ายในเดือนมิถุนายน 2025 และได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้

“สำหรับ ดร.เจี๊ยบ ถือเป็นผู้ปวารณาตนทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน Full Time เพื่ออุทิศตนดูแลลูกๆ และครอบครัวอย่างเต็มกำลัง บอกกับเราว่า ไม่มีความสำเร็จไหนจะยิ่งใหญ่เท่ากับการที่ได้เห็นลูกๆ ประสบความสำเร็จ และไม่มีความสุขไหนจะสำคัญไปกว่าการได้เห็นลูกๆ มีความสุข และเติบโตขึ้นอย่างงดงามและมั่นคง”
ดร.เจี๊ยบ : ปัจจุบันถ้าให้อัปเดตชีวิตก็ต้องบอกว่า ยังมีหน้าที่หลักคือดูแลลูกๆ 2 คน ก็คือลูกสาวคนโต น้องเอฎา ซึ่งกำลังเรียนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และลูกชายคนเล็ก น้องทัท (ชญตว์ เธียรวร) ซึ่งเรียนอยู่ที่โรงเรียนสถานศึกษานานาชาติ (ISB) รวมทั้งดูแลสามี (ปริญญา เธียรวร) และดูแลครอบครัว ซึ่งเจี๊ยบมองว่า การดูแลครอบครัวเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับเจี๊ยบ โดยเฉพาะการดูแลลูกๆ ทั้งสองคน ให้ลูกได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ให้ลูกมีความสุข อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ปลอดภัย คอยสนับสนุนให้ลูกเติบโตอย่างมีคุณภาพ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”
Howe : ตอนนี้น้องเอฎาทำอะไรอยู่บ้างคะ
น้องเอฎา : ตอนนี้หนูเรียนระดับไฮสกูลที่ Choate Rosemary Hall ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ใช้ชีวิตเหมือนเด็กไฮสกูลในโรงเรียนประจำที่อเมริกาทั่วไป ชีวิตตอนนี้ก็โฟกัสเรื่องการเรียนเป็นหลักค่ะ ส่วนเวลาว่างก็จะเล่นเปียโน ออกกำลังกาย หาร้านอาหารอร่อยๆ และเขียนหนังสือ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีผลงานที่ตีพิมพ์ออกมาแล้ว 2 เล่มค่ะ ส่วนกิจกรรมอื่นๆ ก็จะทำงานเพื่อสังคม เช่น สร้าง ScolioBuddy App ขึ้น ร่วมกับโรงพยาบาลศิริราช เพื่อช่วยในการตรวจหาและคอยติดตามสภาวะความคดของกระดูกสันหลัง เพื่อช่วยในการบรรเทาอาการและสนับสนุนการรักษาผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังคด (Scoliosis)
เป็นทีมงานหลักในคณะกรรมการเด็กแห่งเครือข่ายสิทธิเด็กประเทศไทย ตั้งแต่มีนาคม ปี 2024 ที่ผ่านมา เพื่อทำงานเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ของเด็ก โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมร่วมภายในเครือข่าย และความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐและภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินงานให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNCRC) ทำโปรเจกต์ต่างๆ ขึ้นมาเพื่อสนับสนุน Global Hospitality Aid (GHA) ซึ่งน้องเอฎาเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นและเป็นประธานองค์กร โดย GHA เป็นองค์กรที่แปรสภาพของเสียจากอุตสาหกรรมโรงแรมมาเป็นของที่ใช้ได้ใหม่ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยสงครามและภัยธรรมชาติ จนที่ผ่านมาได้รับเงินรางวัลจาก Global Youth Action Fund ของ International Baccalaureate Organization (องค์กรหลักของหลักสูตรนานาชาติ IB) จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และได้รับรางวัลเหรียญทองและประกาศนียบัตรมากมายจากประเทศญี่ปุ่น โรมาเนีย เกาหลี อเมริกา แคนาดา รวมถึงสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ประเทศไทย เป็นผู้ก่อตั้ง “Wings of Love” Social Enterprise ขึ้นมาตั้งแต่ปี 2023 เพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์นกและสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ที่ถูกล่าและค้าผิดกฎหมาย ริเริ่มโครงการด้านความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมในโรงแรมต่างๆ ในพื้นที่ศรีราชา โดยร่วมมือกับสมาคมการท่องเที่ยวและบริการศรีราชา-เกาะสีชัง โดยมุ่งเน้นการทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหาร การลดปริมาณขยะอาหาร และการสร้างการสนับสนุนจากชุมชนท้องถิ่นให้มากขึ้น

นอกจากนี้แล้ว น้องเอฎาก็ทำกิจกรรมในโรงเรียนมากมาย เช่น เล่นเปียโนใน Musical Mama Mia ให้โรงเรียน ได้รับรางวัล Katherine Carlebach and James Eliot Oakes Prize ซึ่งเป็นรางวัลที่โรงเรียน Choate Rosemary Hall มอบให้กับเด็กเกรด 11 ที่มีความโดดเด่นในการอุทิศตัวเองเพื่อสร้างอิทธิพลเชิงบวก และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโรงเรียนในทางสร้างสรรค์ และทำให้คนในโรงเรียนมีความสุขและมีกำลังใจมากขึ้น เป็น Mentor ให้ International Student เป็น Math Tutor ให้เพื่อนๆเป็น President ของ Women in Business Club เป็น Director ของ Deca Club เป็น Vice President ของ Agricultural Club เป็น Vice President ของ Thai Club เป็น Prefect ดูแลเพื่อนๆ ที่โรงเรียน
ดร.เจี๊ยบ : ถึงแม้ว่าน้องเอฎาจะไปเรียนที่อเมริกาคนเดียว เจี๊ยบก็วางใจค่ะ เพราะโรงเรียนดูแลเด็กๆ ดี และตัวน้องเอฎาเองก็เป็นเด็กน่ารัก คิดดี ทำดี มีความรับผิดชอบมากๆ ตั้งแต่เล็กจนโต และเป็นที่รักของครู อาจารย์ และเพื่อนฝูงเสมอ แค่เห็นรางวัลและตำแหน่ง Leadership ต่างๆ ที่น้องเอฎาได้รับมอบหมาย และรับแต่งตั้งจากโรงเรียนและเพื่อนๆ มา ก็รู้ว่า เขาเป็นเด็กดีมีความรับผิดชอบ และมีความสุขกับกิจกรรมต่างๆ มากๆ ตัวเจี๊ยบเองจะบินไปเยี่ยมน้องเอฎาทุกเดือน เพราะจะมีเบรกช่วงสั้นๆ ให้น้องเอฎาออกมาค้างนอกโรงเรียนได้ เจี๊ยบก็จะไม่ยอมพลาดโอกาสที่จะได้เจอลูก แม้จะเป็นช่วงแค่ 2 – 3 วันก็ตาม ในเวลาที่ไม่ได้เจอกันเจี๊ยบจะโทรหาน้องเอฎาบ่อยมาก ส่วนการใช้ชีวิตของน้องเอฎา ปกติเจี๊ยบจะซัปพอร์ตทุกความชอบของลูกๆ อยู่แล้ว ทั้งน้องเอฎาและน้องทัท ไม่ว่าน้องเอฎาหรือน้องทัทจะอยากทำกิจกรรมอะไร อยากเรียนอะไร เจี๊ยบก็จะสนับสนุนให้ลูกได้ลองทำและให้ลูกได้เลือกเรียนในสิ่งที่ลูกๆ ชอบ
“เจี๊ยบจะเลี้ยงลูกตามธรรมชาติของลูกๆ แต่ละคน แค่ส่งเสริมให้ลูกแต่ละคนได้ทำในสิ่งที่ชอบและถนัด ลูกทั้ง 2 คนมีความชอบที่แตกต่างกัน แต่ทั้งคู่เป็นเด็กน่ารักมากและนำความภาคภูมิใจมาให้เจี๊ยบกับพี่ปิงเสมอ เรียกได้ว่าลูกทั้งสองคนเป็นสุดยอดดวงใจของทั้งบ้านทั้งคู่เลย น้องเอฎาจะเป็นเด็กมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ทำทุกอย่างต้องเต็มร้อย บางครั้งก็เกินร้อย จนบางทีเจี๊ยบต้องขอให้ลูกช่วยพักผ่อนบ้าง เพราะบางครั้งถ้างานไม่เสร็จน้องเอฎาก็จะไม่ยอมนอน น้องทัทก็เหมือนพี่สาวที่จะมีความมุ่งมั่น ตั้งใจสูง แต่จะเพิ่มในความเป็นอาร์ติสต์ น้องทัทชอบฟังเพลงออร์เคสตรามากๆ และชอบดูคอนเสิรต์ออร์เคสตรา ไม่ว่าน้องทัทจะเดินไปที่ไหน จะนั่งรถ จะทานข้าว จะนอนก็จะต้องมีเพลงออร์เคสตราคลอไปด้วย เรียกว่าน้องทัทอยู่ที่ไหนก็จะมีเสียงออร์เคสตราที่นั่นค่ะ (หัวเราะ) น้องทัทจะชอบเล่นดนตรี เล่นเปียโน เล่นโอโบ ซึ่งน้องทัทตั้งใจฝึกซ้อมเปียโนกับโอโบจนคว้ารางวัลโอโบและเปียโนจากต่างประเทศและในไทยเยอะมาก จนได้รับเชิญให้ไปแสดงที่ The Beethoven House ที่เยอรมัน Solitar, Mozarteum Concert Hall ที่ออสเตรีย The Kleine Zaal, Concertgebouw Concert Hall ที่เนเธอร์แลนด์ และ Carnegie Hall ที่นิวยอร์ก”
“ตอนนี้น้องทัทอยู่ในวง Thai Youth Winds ที่กำกับดูแลโดยกระทรวงวัฒนธรรม น้องเพิ่งเล่นคอนเสิร์ตที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยจบไปเมื่อเดือนสิงหาคมนี้เองค่ะ หลังจากซ้อมทุกสัปดาห์มาตั้งแต่ต้นปี นอกจากนี้น้องทัทก็อยู่ในวงดนตรีเครื่องลมของโรงเรียนสถานศึกษานานาชาติ (ISB) ด้วย นอกจากความเป็นอาร์ติสต์ น้องทัทก็ชอบออกแบบและผลิตของต่างๆ เช่น อุปกรณ์ดนตรี อุปกรณ์ที่ใช้ในทางการแพทย์ จาก 3D Printer บางทีก็ผลิตของเล่นเอง และชอบเขียนเกมและทำเว็บไซต์ด้วยค่ะ เร็วๆ นี้น้องทัทได้ทำเว็บไซต์ให้คุณครูสอนเปียโนของน้องทัทด้วย ส่วนในด้านวิชาการช่วงนี้น้องเอฎาจะชอบทางด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านการลงทุน น้องเอฎาปกติจะเป็นคนชอบสอน ชอบเล่า ชอบเขียน จนมีผลงานเล่มแรกตั้งแต่อายุ 8 ปี”

น้องเอฎา : ตอนนั้นหนูอยากลองเป็นนักเขียนค่ะ ก็เลยไปเข้า Book Club ที่โรงเรียนสถานศึกษานานาชาติ (ISB) และเขียนเรื่องที่ได้ไปเที่ยวที่ประเทศจอร์แดนกับครอบครัว ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวและประสบการณ์การที่ได้ไปเที่ยวที่นั่น ตอนที่เห็นผลงานออกมาเป็นรูปเล่มครั้งแรก หนูรู้สึกภูมิใจมากที่เห็นชื่อตัวเองอยู่บนปกหนังสือ และสำหรับเล่มล่าสุดนี้หนูเขียนเสร็จตอนอายุ 16 ปี โดยเป็นการรวบรวมคำสอนของคุณพ่อ (ปริญญา เธียรวร) เกี่ยวกับเรื่องการเงิน การลงทุน และการออมเงิน ซึ่งคุณพ่อสอนหนูตั้งแต่เล็กๆ ซึ่งหนูคิดว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์กับหนูมาก หนูคิดว่าถ้าหนูรวบรวมออกมาน่าจะเป็นประโยชน์กับเด็กและวัยรุ่น รวมถึงผู้เริ่มต้นลงทุนที่ได้อ่านด้วยค่ะ หนูคิดว่าถ้าเรารู้เรื่องพวกนี้เร็วก็จะช่วยให้วางแผนการเงินที่ดีได้ หนูจะใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายๆ ในการอธิบายและดำเนินเรื่อง หนังสือได้การตอบรับดีมาก พิมพ์ครั้งแรก 1,500 เล่ม ขายไปเกือบหมดเกลี้ยง ภายในเวลาไม่ถึง 2 เดือน ขายเกือบหมดตั้งแต่ก่อนวันเปิดตัวหนังสือที่ตลาดหลักทรัพย์เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาอีกค่ะ หนูดีใจมาก
ดร.เจี๊ยบ : เวลาเห็นลูกมีความตั้งใจทำอะไรเจี๊ยบก็ปลื้มใจ ยิ่งถ้าลูกตั้งใจทำจนประสบผลสำเร็จอย่างที่ลูกหวังไว้เจี๊ยบก็ยิ่งดีใจค่ะ จนบางทีน้องเอฎากับน้องทัทชอบบ่นว่า ทำไมแม่ถึงชอบดีใจโอเวอร์ในความสำเร็จที่ตัวน้องเอฎาและน้องทัทเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขา (หัวเราะ) เจี๊ยบก็ต้องอธิบายว่าเจี๊ยบเป็นพวกรักลูกหลงลูกอย่างรุนแรงค่ะ (หัวเราะ) อะไรที่ดูเล็กๆ น้อยๆ ของลูกมันจะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับคนเป็นแม่เสมอ (ยิ้ม)
น้องเอฎา : หนูเองก็ภูมิใจที่คุณแม่คอยดูแลและซัปพอร์ตหนูทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องกิจกรรมทุกอย่าง ตัวหนูเองก็ตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุดตั้งแต่เด็ก หนูตั้งเป้าหมายว่าโตขึ้นจะเป็นนักธุรกิจ หนูอยากสร้างธุรกิจเป็นของตัวเองเหมือนคุณพ่อ ส่วนคุณแม่ก็เป็นคนที่เรียนเก่งมาก หนูก็อยากเป็นคนที่เก่งในทุกๆ ทาง อยากเป็นนักธุรกิจและนักลงทุนที่เก่ง
Howe : ที่มาถ่ายแฟชั่นวันนี้หนูสนุกไหมคะ และอยากเดินแบบบ้างไหมคะ
น้องเอฎา : ที่ผ่านมาก็มีคนมาชวนหนูไปเดินแบบและถ่ายแฟชั่นบ้าง แต่หนูชอบโฟกัสทีละอย่าง เพราะเวลาทำอะไรหนูก็อยากจะทำให้ดีที่สุด ปิดเทอมช่วงนี้หนูอยากโฟกัสเรื่องเรียนก่อนค่ะ ถ้าปิดเทอมหน้าหนูกลับเมืองไทย แล้วหนูสะดวก หนูก็อาจทำค่ะ
ดร.เจี๊ยบ : ทุกอย่างขึ้นอยู่กับน้องเอฎาเลยค่ะ เจี๊ยบเป็นคนไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ฉะนั้นเจี๊ยบจะไม่เคยบังคับลูกว่าต้องทำอะไร เพราะอยากให้ลูกแต่ละคนมีความสุขกับสิ่งที่เขาเลือกเอง ลูกทั้งสองคนเป็นคนคิดดี ทำดี เจี๊ยบมั่นใจในตัวลูกว่าเขาจะเลือกทำแต่สิ่งที่ดีมีประโยชน์ต่อตัวเองและสังคม สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคนเป็นแม่ก็คือเห็นลูกมีความสุข เพราะชีวิตนี้เจี๊ยบอุทิศให้ลูกทั้งสองคนอยู่แล้วค่ะ ทั้งนี้ ต้องยกความดีให้พี่ปิง (ปริญญา เธียรวร) เป็นอย่างมาก ที่รักและดูแลเจี๊ยบและลูกๆ เป็นอย่างดี ซัปพอร์ตทุกความต้องการของเจี๊ยบและลูกอย่างดีมากๆ ตลอดที่ผ่านมา ทำให้เราเป็นครอบครัวที่มีความสุขมากๆ ตั้งแต่วันที่เราเริ่มสร้างครอบครัวกันมาจนถึงปัจจุบันค่ะ
น้องเอฎา : ความสุขของหนูคือการประสบความสำเร็จในสิ่งที่หนูทำ ได้ช่วยเหลือผู้อื่น และได้เห็นคนที่เรารักมีความสุขเท่านี้ก็พอแล้วค่ะ

“สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคนเป็นแม่ก็คือเห็นลูกมีความสุข เพราะชีวิตนี้เจี๊ยบอุทิศให้ลูกทั้งสองคนอยู่แล้วค่ะ ทั้งนี้ ต้องยกความดีให้พี่ปิง (ปริญญา เธียรวร) เป็นอย่างมาก ที่รักและดูแลเจี๊ยบและลูกๆ ซัปพอร์ตความต้องการของเจี๊ยบและลูกอย่างดีมากๆ ตลอดที่ผ่านมา ทำให้เราเป็นครอบครัวที่มีความสุขมากๆ ตั้งแต่วันที่เราเริ่มสร้างครอบครัวกันมาจนถึงปัจจุบันค่ะ”