ภายใต้การบริหารงานของนักธุรกิจและผู้บริหารฝาแฝดมากความสามารถ อย่างแฝดพี่ คุณปุ๊ย ดร.สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และแฝดน้อง คุณป๋อ ดร.พิษณุ แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานวิจัยและพัฒนารับผิดชอบด้านวิจัยและการตลาด ในฐานะทายาทรุ่นที่ 3 ที่ช่วยกันจับมือพาธุรกิจครอบครัวจากร้านขายยาเล็กๆ ที่ขายยานำเข้าจากอังกฤษและญี่ปุ่นแบบปลีกและขายส่งชื่อ “อั้งง่วนเฮง สุภาพโอสถ” ที่เปิดกิจการแถวย่านหัวลำโพงเมื่อพ.ศ. 2497 ก่อนเริ่มปรับธุรกิจสู่โรงงานผลิตยา “หจก.โรงงานเภสัชอุตสาหกรรมค็อกซ์” ซึ่งผลิตและจัดจำหน่ายยาแก้ไอยี่ห้อ “COX” และยาแผนปัจจุบันเมื่อ พ.ศ. 2518
หลังจากที่บริษัทต้องเผชิญปัญหาภาวะขาดทุนช่วงต้มยำกุ้ง ทั้งสองพี่น้องจึงได้เข้ามาช่วยคุณแม่ (จินตนา สันติพิสุทธิ์) รับผิดชอบกิจการและพาธุรกิจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อ 7 ปีที่แล้ว พร้อมตั้งธงสู่การเป็นเจ้าของโรงงานรับผลิตยาแผนปัจจุบัน อาหารเสริมแบบ OEM พร้อมสร้างแบรนด์ “สุภาพโอสถ” หรือ JSP สู่ความเป็นผู้นำ มุ่งเน้นพัฒนา และสรรค์สร้างนวัตกรรม เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ยา อาหารเสริม สมุนไพร อาหารเสริมสำหรับสัตว์เลี้ยง เครื่องสำอางสำหรับผู้ป่วยโรคไต และการเทคโอเวอร์กิจการน้ำยาฟอกไต จนทำให้ธุรกิจที่เกือบล้มละลาย มีรายได้เมื่อปีที่ผ่านมาราว 800 ล้านบาทเลยทีเดียว


คุณปุ๊ย : ตอนที่เข้ามาช่วยครอบครัวทำธุรกิจ ตอนนั้นตัดสินใจเข้ามาทำงานเต็มตัว เพราะธุรกิจประสบปัญหา ซึ่งเราเติบโตกับโรงงานมาตั้งแต่เด็ก ก็รู้สึกผูกพัน และอยากช่วยคุณแม่บริหารงานให้ธุรกิจครอบครัวผ่านพ้นวิกฤตไปให้ได้ ตอนแรกเราก็ยังทำธุรกิจผลิตยาแก้ไอ “COX” ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังมีขายอยู่ และตอนนั้นรายได้เรามาจากการรับจ้างผลิต ก็เลยมองว่า ถ้าเรามีแบรนด์เป็นของตัวเองก็น่าจะสร้างรายได้และผลกำไรได้ดียิ่งขึ้น ก็เลยหยิบแบรนด์ “สุภาพโอสถ” ที่ลูกค้าเชื่อถือมาต่อยอดทำผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับผู้สูงวัย และผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพ ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีมาก
คุณป๋อ : JSP ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องของการรับจ้างผลิตและจำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า (OEM) ซึ่งเรามีลูกค้าเป็นแบรนด์ใหญ่ระดับโลก บริษัทยาอันดับต้นๆ ของไทยหลายรายก็เป็นลูกค้าของเรา หลักๆ เราประกอบธุรกิจพัฒนา ผลิตและจำหน่ายยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ครอบคลุมตั้งแต่การให้คำปรึกษาพัฒนาสินค้า คิดค้นและพัฒนาสูตร การขอทะเบียนตำรับยาหรือการจดแจ้งเลขสารบบอาหารของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ใครที่ให้เรา OEM ให้เราสามารถดำเนินการผลิตตั้งแต่ต้นจนขอใบอนุญาตให้ได้ และด้วยคุณภาพของสินค้าทำให้เราได้การตอบรับที่ดีมาก
“ตอนที่เข้ามารับช่วงกิจการต่อจากครอบครัว ก็ไม่ลังเลอะไร เพราะธุรกิจเหมือนอยู่ในสายเลือด อย่างที่ปุ๊ยบอกว่ามันคือความผูกพัน รู้สึกว่าเราจะทำอย่างไรให้ธุรกิจก้าวไปข้างหน้าได้ต่อ เพราะตอนที่เข้ามาทำงานก็เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับทำงาน ได้คอนเน็กชันจากแม่ช่วยบ้าง วางแผนขยายผลิตภัณฑ์และธุรกิจ ซึ่งเรามีพี่น้องอีก 2 คน ก็ต้องเข้ามาช่วยตามความถนัด เก่งบัญชีก็ดูเรื่องการเงิน อีกคนเก่งเรื่องการออกแบบเราก็ให้ไปออกแบบโรงงาน ดูเรื่องแพ็กเกจจิง เราอยากให้ธุรกิจเติบโตก็ต้องปรับตัว ซึ่งในส่วนของ OEM เราก็เติบโตเป็น 10 เท่า มีพนักงานเกือบ 500 คน มีรายได้ปีละกว่า 400 ล้านบาท ส่วนอาหารเสริมและยาอาจจะมีกำไรไม่มากนักแต่ถือเป็นธุรกิจน้ำซึมบ่อทราย มั่นคง แข็งแรง ถ้าดีจริง ลูกค้าก็จะกลับมาซื้อซ้ำ”
คุณปุ๊ย : ผมมองว่าการทำธุรกิจอาหารเสริมและยา ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของคุณภาพและการพัฒนานวัตกรรม เรามองถึงความเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าที่เราจะทำการตลาด ปีหนึ่งเราอาจจะพัฒนาสารสกัดหรือยาได้หลายสิบ หลายร้อยตัว แต่เราก็จะเลือกเปิดตัวสินค้า ซึ่งผมว่าทุกวันนี้บ้านเราเป็นสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งมีปัญหาสุขภาพเรื่องเข่า เรื่องสายตา เรื่องความดันโลหิตสูง เราก็จะมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ เราสามารถพัฒนาสินค้าได้เยอะเพราะมีแล็บเป็นของตัวเอง ซึ่งนี่ถือเป็นจุดแข็ง เพราะเราสามารถทำตลาดได้ทันที”
คุณป๋อ : เราสองคนเดินทางบ่อย เพราะต้องไปดูงานวิจัยจากเทรนด์ของโลก เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ว่ามีอะไรใหม่บ้างและกำลังนิยมอะไร ทั้งวิตามิน สารสกัดจากพืช หากเห็นว่ามีประโยชน์บริษัทก็วิจัยและพัฒนาและทำเรื่องขอจดทะเบียนกับ อย. รอไว้ แม้จะยังไม่มีแผนการผลิตหรือออเดอร์จากลูกค้าก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างที่ปุ๊ยบอก ถ้าฮิตเราก็ทำได้ทันที การดูเทรนด์ทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น ในประเทศเองเราดูงานวิจัย นักศึกษา อาจารย์ใครมีผลงานวิจัยอะไรน่าสนใจบ้าง ตอนนี้ก็มีกัญชา กัญชง กระท่อม Plant Based Protein จากไข่น้ำ หรือแม้แต่ฝิ่นจริงๆ ก็เป็นยาแก้ปวดที่ดีมาก ซึ่งเราก็อยากให้รัฐบาลเปิดโอกาสให้นำสารพวกนี้มาใช้ในการทำยารักษาโรค
คุณปุ๊ย : สำหรับเป้าหมายในการทำธุรกิจของเราจะเริ่มจากการขยายโรงงานที่กรุงเทพฯ และลำพูน เพื่อรองรับการเติบโตของ OEM และสินค้าของสุภาพโอสถ และจะเพิ่มทุนการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มากขึ้น และเราอยากให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน มีหน่วยการผลิตและงานวิจัยพัฒนาที่เข้มแข็ง สามารถสร้างผลิตภัณฑ์สุขภาพใหม่ๆ จากพืชเกษตรของไทยให้ทั่วโลกรู้จัก รวมทั้งยังเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน เพื่อเป็นการกระจายรายได้และให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ในอนาคตผมอยากให้คนไทยโดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลได้เข้าถึงยาแผนปัจจุบัน สมุนไพร อาหารเสริมโดยจะทำตู้กดยานำไปตั้งในชุมชนต่างๆ ซึ่งมีแพลนที่ลองตลาดสัก 100 – 200 ตู้ในระยะแรก รวมทั้งเรายังมีเป้าหมายที่ทำธุรกิจโรงพยาบาลในอนาคตอีกด้วย

“ตอนเข้ามารับช่วงกิจการต่อจากครอบครัว ก็ไม่ลังเลอะไร เพราะธุรกิจเหมือนอยู่ในสายเลือด มันคือความผูกพัน รู้สึกว่าเราจะทำอย่างไรให้ธุรกิจก้าวไปข้างหน้าได้ต่อ”