ถ้าเอ่ยถึงผู้ทรงอิทธิพล (Influencer) ในเวลานี้ ก็ต้องนึกถึงท่านนี้ขึ้นมาทันที “สนั่น อังอุบลกุล” ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่ได้เข้ามามีบทบาทอย่างเข้มข้นในการร่วมแก้ไขปัญหา และวิกฤต รวมถึงการผลักดันให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) ที่ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย คนที่ 25 ตีความการเป็น ผู้ทรงอิทธิพล หรือ ผู้นำ ในยุคปัจจุบันนี้ว่า ก่อนอื่นต้องดูว่า บุคคลที่ว่านี้เข้าไปบริหารงานในองค์กรประเภทไหน และเมื่อเข้าไปทำงานแล้ว ก็ต้องสร้างความเป็น ตำนานให้กับตัวเองด้วย “หมายความว่า หลังจากที่เราบริหารงานไปแล้ว และเมื่อต้องเดินออกจากองค์กรนั้น ก็ต้องทำให้คนในองค์กรคิดถึงเรา ไม่ว่าจะเรื่องใดๆ ก็ตาม เหมือนเป็นการสร้างตำนานของเราให้เกิดขึ้นในการทำงานแต่ละองค์กร” ซึ่งคุณสนั่นย้ำว่า นั่นคือการเป็นผู้นำ หรือ ผู้ทรงอิทธิพลที่แท้จริง
ส่วนคุณสมบัติของความเป็นผู้ทรงอิทธิพลนั้น ก็จะต้องประกอบด้วยแนวคิด 5 E Leadership “โดย E แรก คือ Empathy เป็นบุคคลที่มีบุคลิกอ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ ส่วน E ตัวที่สอง คือ Empower เป็นความกล้ากระจายอำนาจของเรา ให้กับผู้อื่นได้ทำงานอย่างอิสระ เช่นเดียวกับ E ตัวที่สาม Engagement ที่จะทำให้เกิดการขับเคลื่อนให้เกิดการทำงานแบบมีส่วนร่วมและเกิดความรับผิดชอบร่วมกันในหน้าที่ ขณะที่ E ตัวที่สี่ Encouragement หรือ การสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทำงานทุกคน และสุดท้ายคือ E ตัวที่ห้า Enable ที่ตัวของเราจะต้องเป็นผู้ส่งเสริมแนวทางสู่ความสำเร็จ หรือ การแนะนำทางออกให้กับคนทำงาน ซึ่งก็มีความหมายว่า อะไรที่ผู้ใต้บังคับบัญชา ยังไม่มความมั่นใจ หรือ หากมีอุปสรรค เราก็ต้องเป็นคนชี้ทาง หาทางออกให้กับเรื่องนั้นๆ โดยเราจะต้องเป็นคนนำทางให้กับพวกเขาด้วย” หากมีหลักคิดทั้งหมดนี้ คุณสนั่นบอกว่า ไม่ใช่แค่จะทำงานได้ประสบผลสำเร็จเท่านั้น แต่ยังทำให้เราสามารถสร้างทีมงานที่มีความเข้มแข็งได้ด้วย
นอกจากนี้ ประธานหอการค้าไทย ยังพูดถึงการเป็นผู้นำ หรือ ผู้ทรงอิทธิพล ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความผันผวน (Volatiity) ไม่แน่นอน (Uncertainty) ซับซ้อน (Complexity) และคลุมเครือ (Ambiguity) หรือที่เรียกว่า VUCA ด้วยว่า ตัวของผู้นำ เป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และทำงานในเชิงลึก “รวมถึงยังต้องรู้จักเชื่อมโยงคนเก่งๆ เข้ามาทำงานให้เป็นทีมเดียวกัน ในแบบ Connected the dots ซึ่งเมื่อเราทำแบบนั้นได้แล้ว ก็จะทำให้องค์กร มีการทำงานในแนวทางเดียวกัน และแน่นอน ผู้นำเองก็ต้องมีวิสัยทัศน์ ที่ชัดเจน ในการที่จะทำให้ทุกคนในองค์กรช่วยกันขับเคลื่อนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วย”
อีกสูตรหนึ่งที่คนเป็นผู้นำต้องจำให้ดีเลยคือ RACI “เริ่มจากคำแรก R หรือ Responsible ซึ่งไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตาม จะต้องมีเจ้าภาพ หรือ เจ้าของเรื่อง ดูแลงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ แล้วจึงเกิดเป็น A หรือ Accountable ที่หมายถึงการให้อำนาจการตัดสินใจ หรือ ฟันธงในการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วน C หรือ Consult เราจะต้องหาคนที่มีความรู้ในทุกเรื่องของงานแต่ละแขนง แล้วทำให้เกิดการเชื่อมต่อกัน เกิดการพูดคุยกัน ซึ่งก็จะทำให้เกิดการตัดสินใจที่ตรงประเด็นและถูกต้อง ตลอดจน สามารถทำงานร่วมกันได้ เกิดมีข้อสรุป และสามารถเสนอให้กับคนที่มีอำนาจ ตัดสินใจ และสุดท้ายคือ I หรือ Informed คือ การประกาศให้คนทั่วไป ได้เข้าใจ และรับรู้ว่าสิ่งที่เรากำลังทำ จะได้ผลลัพธ์อย่างไรบ้าง” คุณสนั่น บอกด้วยว่า การที่ท่านได้เข้ามาบริหารหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งถือเป็น องค์กรที่กำลัง Connect the Dots ที่รวบรวมข้อมูล และองค์ความรู้ต่างๆ ในการทำงานเร่งด่วน ก่อนส่งต่อให้รัฐบาล เป็นผู้ตัดสินใจอีกครั้ง
“ในที่สุดแล้ว ถ้าเราทำงานในลักษณะแบบ RACIได้ ก็จะทำให้ทุกฝ่ายเกิดความเชื่อมั่น ก่อนเกิดการทำงานแบบร่งมกันสร้างสรรค์ และช่วยกันขับเคลื่อนให้งานที่ทำอยู่เกิดความสำเร็จ ซึ่งก็จะบอกให้เห็นถึงระบบภาวการณ์เป็นผู้นำองค์ หรือ ความทรงอิทธิพลของผู้นำในองค์กรได้เป็นอย่างดี”
อีกหนึ่งหน้าที่สำคัญในฐานะของประธานกรรมการหอการค้าไทย คือ การทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันกับต่างประเทศได้ดีขึ้น “เราต้องเร่งพัฒนาผู้ประกอบการในประเทศของเรา ให้เพิ่มขีดความสามารถ รวมถึงผลักดันให้คนไทยมีการทำการค้าในฝั่งต่างประเทศให้มากขึ้น หรือแม้กระทั่งการผลักดันให้เกิดการไปลงทุนในต่างประเทศ หรือ ดึงความสนใจของผู้ประกอบการในต่างประเทศ เข้ามาลงทุนในประเทศไทยให้มากขึ้น” คุณสนั่น กล่าวทิ้งท้ายถึงแนวทางการสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของไทยในอนาคต