วันที่ 24 พฤษภาคม 2564 เวลา 08.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีบางส่วน ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เดินทางมาเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 2 ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติชั้น 7 สถาบันบำราศนราดูร จ.นนทบุรี โดยนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ให้กับนายกรัฐมนตรีด้วยตนเอง
โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำถึงประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีอยู่ทั้งแอสตร้าซิเนกาและซิโนแวค รวมถึงวัคซีนยี่ห้ออื่นๆที่จะมีเข้ามาเพราะมีระบบการตรวจสอบที่เข้มงวดและรัดกุมให้มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานทางด้านสาธารณสุข แม้อาจจะมีผลข้างเคียงบ้างแต่ก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งวันนี้ ตนเองก็มารับการฉีดวัคซีนเพราะเชื่อมั่นในคุณภาพและประสิทธิภาพ ความปลอดภัยของวัคซีน ซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอทั้งก่อนและหลังการฉีดวัคซีน ซึ่งสิ่งสำคัญขณะนี้คือการกระจายสถานที่ในการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึง โดยมีทั้งของภาครัฐและเอกชนและภาคธุรกิจที่ได้มีการเตรียมสถานที่การฉีดวัคซีนไว้แล้ว
สำหรับสถานการณ์สำคัญในขณะนี้มี 2 อย่างด้วยกัน คือ ปริมาณวัคซีนที่มีอยู่ และขีดความสามารถในการให้บริการของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดในขณะนี้ซึ่งหลายจังหวัดเป็นพื้นที่สีแดง โดยเฉพาะประเด็นแรงงานทั้งแรงงานก่อสร้างและแรงงานในภาคอุตสาหกรรมและกลุ่มที่มีการแพร่ระบาดในกรุงเทพฯ รวมถึงกลุ่มบุคลากรครูที่ต้องเตรียมเปิดภาคเรียนในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรียืนยันว่าสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ได้ แต่ขอให้ทุกคนเข้าใจและไม่เผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือน เพราะอาจเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ทั้งนี้การทำงานอาจมีปัญหาบ้างแต่เมื่อมีปัญหาก็ต้องแก้ไขปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปทุกวัน ส่วนกรณีที่มีข่าวการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ สายพันธุ์อินเดียและสายพันธุ์แอฟริกา ที่เข้ามาในประทศไทยนั้น กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่า วัคซีนที่มีอยู่สามารถดูแลสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของบุคคล ดังนั้น ขอทุกคนอย่าได้ประมาทและตื่นตระหนก แต่ขอให้ฟังคำแนะนำของแพทย์และให้คำนึงถึงปฏิบัติตนเอง ครอบครัวสังคมและประเทศชาติ สำหรับเป้าหมายของรัฐบาล คือ การดูแลคนทั้งประเทศ รวมทั้งบริหารจัดการวัคซีนตามสถานการณ์ความรุนแรงในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ขอให้มั่นใจการดำเนินการของรัฐบาลและระบบสาธารณสุขในการดูแลประชาชนทุกคน
ขอบคุณ ที่มา : ทำเนียบรัฐบาล