วันที่ 26 เมษายน 2564 สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในพื้นที่ทั้ง 50 เขตของกรุงเทพมหานคร ล่าสุด พบว่า มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมจำนวน 912 ราย ซึ่งจากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้กรุงเทพมหานคร ต้องควบคุมการแพร่ระบาดและป้องกันโรคอย่างเข้มข้นสูงสุด จึงได้ออกประกาศสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ฉบับที่ 25 ให้มีการปิดการดำเนินกิจกรรม กิจการต่างๆ ที่มีความเสี่ยงทั้ง 26 ประเภท เป็นเวลา 14 วัน รวมทั้ง ออกคำสั่งบังคับให้สวมใส่หน้ากากอนามัย หรือแมสก์ ตลอดเวลาเมื่อออกจากบ้านหรืออยู่ในที่สาธารณะ ซึ่งหากฝ่าฝืนจะมีความผิดตามมาตรา 51 ของ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท
เนื่องจากจํานวนผู้ติดเชื้อสะสมและผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้เพิ่มจํานวนอย่างต่อเนื่อง สมควรกําหนดมาตรการควบคุมที่จําเป็นอย่างเร่งด่วนสําหรับสถานที่ กิจการ หรือกิจกรรม เพื่อให้สามารถเปิดดําเนินการได้ ภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบและระเบียบ รวมทั้งมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกําหนด อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 28 (1) (7) และมาตรา 34 (6) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ประกอบกับข้อ7 (1) และข้อ 11 แห่งข้อกําหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหาร ราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2564 จึงมีคําสั่งดังต่อไปนี้
- ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าอย่างถูกต้อง หรือถูกวิธีทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานที่พํานัก
2 ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อ 1 เป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
อนึ่ง เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจําเป็นรีบด่วนหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหาย อย่างร้ายแรงแก่สาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้ง ตามมาตรา 30 วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
ขอบคุณ ที่มา : กรุงเทพมหานคร