“พญ.ณัฐฐามณี สิริภคพันธ์” จักษุแพทย์ผู้ดูแลความงามรอบดวงตาระดับแนวหน้าของไทย

0
2810

“ดวงตา” เป็นหน้าต่างของหัวใจ ฟังไม่ผิดแน่นอน เพราะสิ่งที่สื่อออกมาจากดวงตาล้วนบอกถึงสิ่งที่อยู่ในใจของเราได้เป็นอย่างดี ดังนั้นดวงตาจึงอาจเรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ในการสื่อความหมายของตัวเราไปยังคนรอบข้าง ยิ่งดวงตาสวยงามมากเท่าไรก็ยิ่งเป็นเสน่ห์ดึงดูดมากขึ้น ซึ่งนิตยสาร HOWE Magazine ได้รับเกียรติจากจักษุแพทย์ด้านศัลยกรรมรอบดวงตา ที่อยู่เบื้องหลังดวงตาคู่สวยนับหมื่นคู่มาบอกถึงวิธีการสร้างเสน่ห์ให้กับดวงตาของเรากัน

หากกล่าวถึงชื่อเสียงการทำตาสองชั้น “หมอรวงข้าว” แห่ง Lovely Eye & Skin Clinic จะเป็นลิสต์ต้นๆ ที่ผู้คนพูดถึงอยู่อย่างเสมอ เพราะเธอคือจักษุแพทย์รายแรกๆ ที่บุกเบิกด้านความงามรอบดวงตา และเป็นผู้บุกเบิกศัลยกรรมเปิดหัวตาและหางตาระดับแนวหน้าของไทย เธอบอกกับทีมงาน HOWE Magazine ว่าการก้าวเข้ามาอยู่ในอาชีพจักษุแพทย์และทำธุรกิจด้านศัลยกรรมความงามรอบดวงตานั้นเกิดจากแรงผลักดันในใจของตัวเธอเอง เริ่มจากเป็นคนที่ชอบเรื่องของงานฝีมือ รวมถึงงานที่มีความละเอียดอ่อนอย่างการเย็บปักถักร้อยมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก “อาจเรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราตั้งใจเลือกเรียนด้านจักษุแพทย์ค่ะ”

แรงบันดาลใจที่ถูกส่งต่อ

“ยิ่งตอนผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ดวงตาให้กับคนไข้ ซึ่งก่อนหน้าคนไข้มองภาพต่างๆ ไม่เห็นเลย แต่พอเข้ารับการผ่าตัดแล้วเขากลับมองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ก็ทำให้เรารู้สึกถึงความมหัศจรรย์และชอบความรู้สึกในจุดนั้นเป็นอย่างมากค่ะ เหมือนเราเห็นคนไข้มีความสุข เราก็มีความสุขตามไปด้วยค่ะ” คุณหมอรวงข้าวยังเล่าถึงแรงบันดาลใจอีกสิ่งที่เธอได้รับจากคนไข้ด้วย “การรักษาหนังตาตกก็เป็นอีกวิธีรักษาทางจักษุ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้มีปัญหาหนังตาตก พอรักษาแล้วเขาสวยขึ้น ดูดีขึ้น ดูแฮปปี้ เราก็รู้สึกดีใจกับเขาด้วย”

เธอเล่าย้อนกลับไปในช่วงวัยรุ่น “จากอดีตสาวตาหมวยในวัย 18 ตอนนั้นเป็นสาวตาชั้นเดียวและดวงตาขวาง ทำให้หน้าดุๆ ไม่ค่อยมั่นใจในการสบตาใครสักเท่าไร คุณแม่จึงพาไปทำตาสองชั้น ซึ่งแพทย์ที่ทำตาให้เป็นญาติอาวุโสที่เรียนผ่าตัดตาสองชั้นมาจากญี่ปุ่น ท่านมีประสบการณ์ มานานกว่า 50 ปี ท่านมีเทคนิคเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร พอท่านสูงอายุและใกล้เกษียณเลยถ่ายทอดเทคนิคศัลยกรรมในแบบของท่าน ถือว่าเป็นเทคนิคที่สุดยอดมากค่ะ จากแรงผลักดันและโอกาสที่ได้รับตลอดมากลายเป็นแรงบันดาลใจทำให้หมอเดินหน้าทำธุรกิจเสริมความงามรอบดวงตาอย่างเต็มตัว จากเทคนิคที่มีมานานกว่า 50 ปี รวมเข้ากับความรู้ด้านจักษุแพทย์และการไปศึกษาเรียนรู้เฉพาะทางโดยตรงจากเกาหลี รวมเป็นเทคนิคหมอรวงข้าว”

เทคนิคพิเศษเฉพาะ Lovely Eye & Skin Clinic

“เทคนิคหมอรวงข้าว” เป็นการออกแบบชั้นตาที่เหมาะกับแต่ละบุคคล ด้วยเทคนิคการสร้างชั้นตาที่ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่มีปมไหมฝังไว้ใต้ผิวตา หลับตาแล้วไม่เห็นรอยหลืบพับ คลำไม่สะดุดปมไหม ไม่ระคายเคือง ไม่มีไหมโผล่ ซึ่งแตกต่างจากที่อื่น มีการแก้ไขปัญหาตาอย่างครอบคลุมและตรงจุดด้วยเทคนิคหลากหลายที่ไม่ใช่เพียงทำตาสองชั้นอย่างเดียว โดยเป้าหมายที่คิดค้นเทคนิคนี้ขึ้นมา เนื่องจากตัวของหมอเองจะรับคิวผ่าตัดคนไข้เองทั้งหมดวันละ 4-5 คน แต่ยังไม่สามารถรันคิวจองทำตาได้อย่างเพียงพอ จึงลองตกผลึกแล้วปรับลดคิวผ่า เพื่อจัดสรรเวลามาเฟ้นหาแพทย์ศัลยกรรมตาก่อตั้งเป็น “ทีมแพทย์ Lovely Specialist” ปัจจุบันมีทั้งหมด 7 ท่าน โดยหมอรวงข้าวเทรนนิ่งด้วยตนเอง เพื่อให้มีฝีมือความชำนาญและความแม่นยำในการผ่าตัดด้วยมาตรฐานเทคนิคหมอรวงข้าวเป็นอันหนึ่งเดียวกัน “เมื่อลองหยิบรูปในอดีตและปัจจุบันมาดู ดวงตาของเราเปลี่ยนไป ไม่ใช่เพียงความสวย แต่สะท้อนถึงความมั่นใจ จึงเป็นแรงปรารถนาที่อยากช่วยรังสรรค์ตาคู่สวยให้กับใครอีกหลายๆ คน ยิ่งพอได้เห็นคนไข้ที่เข้ามารับการรักษากับเรามีความสุข ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกมีความสุขกับคนไข้ไปด้วย”

สร้างความมั่นใจและเสริมบุคลิกภาพ

คุณหมอยังบอกด้วยว่าการทำศัลยกรรมรอบดวงตาไม่ใช่แค่เพียงเรื่องความงามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการรักษาโรคตา “เชื่อหรือไม่ว่านี่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับคนไข้หลายๆ คนค่ะ เพราะจากวันที่เขามองแทบจะไม่เห็น เพราะปัญหาหนังตาตก พอรักษาแล้วเขามองเห็นดีขึ้น เขาก็จะสามารถใช้ชีวิตประจำวันของเขาได้ และยังช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพ ทำให้เขารู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้นด้วยค่ะ”

คุณหมอบอกว่าเป็นอีกความภาคภูมิใจของเธอ พูดคุยกับความภาคภูมิใจในธุรกิจไปแล้ว อีกหนึ่งของขวัญจากฟ้าซึ่งทำให้คุณหมอรวงข้าวมีความสุขที่สุดในวันนี้ก็คือ “น้องณภ” และ “น้องภพจ์” ลูกชายฝาแฝดที่มาเติมเต็มความเป็นครอบครัวให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น “แต่ก่อนหมอกับสามี คุณก้อง-กฤษฎาพัฒน์ การุญญ์ ไม่เคยคิดอยากมีลูกเลยค่ะ เพราะเรากำลังแฮปปี้กับงานที่ทำอยู่ แต่พอทำงานไปเรื่อยๆ ก็มานั่งคิดว่าเราจะทำงานไปเพื่ออะไร หรือเพื่อใคร” จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนทางความคิดครั้งสำคัญ “เอาจริงๆ พอมีลูกจริงๆ วันนี้เราคิดถูกมากเลยค่ะ เพราะมีลูกแล้วยิ่งทำให้เรามีความสุขมากขึ้น ยิ่งเป็นลูกฝาแฝดด้วย ก็ทำให้ความสุขเพิ่มเป็นทวีคูณค่ะ พวกเราเฮฮา มะรุมมะตุ้มด้วยกันตลอด นอนก็นอนด้วยกัน รู้สึกอบอุ่นอย่างมาก ยิ่งตอนที่ได้เลี้ยงดูเขา เราก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวของลูกที่เกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ ยิ่งทำให้เรามีความสุข และทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆ เสมอค่ะ”

คุณหมอเล่าด้วยว่าเธอกับสามีมีเทคนิคต่างๆ มากมายที่มักนำมาใช้กับลูกชายฝาแฝดของเธออยู่เสมอ “อย่างบางครั้งลูกกินข้าวน้อย เราก็จะหาวิธี เช่น ปรับวิธีการป้อนข้าว หรือปรับเวลากินข้าวของลูก รวมถึงปรับเมนูอาหารของลูกให้ดูน่าสนใจและน่ากินมากขึ้น ตอนที่ลูกกินนมน้อย เราก็จะปรับสูตรของนมด้วยการเติมไข่แดงและของมีประโยชน์ผสมกับนมให้ลูกกิน ซึ่งก็ได้ผลค่ะ ลูกชอบมาก ทำให้เรารู้สึกภูมิใจกับนมสูตรที่เราคิดเอง จนมีเพื่อนๆ นำไปใช้เลี้ยงลูกเหมือนกัน” ถือเป็นส่วนหนึ่งในการเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กที่มีคุณภาพ

เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กมีคุณภาพ

“ไม่ใช่แค่เรื่องของการเลี้ยงดูด้วยเรื่องของอาหารเท่านั้นนะคะ หากจะให้ลูกของเราเป็นเด็กที่มีคุณภาพ เราในฐานะคนเป็นพ่อและแม่ต้องคอยสังเกตดูลูกของเราด้วย ซึ่งวันนี้เราจะเห็นว่าเด็กตัวเล็กๆ หลายคนมักติดมือถือ เล่นโทรศัพท์ของพ่อแม่ เราเองก็พยายามไม่ให้ลูกเป็นแบบนั้น บางครั้งพ่อของเขามักตามใจลูก แต่เราต้องคอยดูว่าจุดไหนที่ตามใจมากเกินไป หากเราปล่อยผ่านและไม่รีบแก้ก็จะทำให้เขาเอาแต่ใจและไม่เชื่อฟัง ส่วนนี้เราต้องหาวิธีที่จะทำให้เขาเชื่อฟัง ซึ่งช่วงแรกอาจจะยากนิดหนึ่ง แต่พอถึงจุดหนึ่ง ก็จะทำให้ลูกอารมณ์นิ่งขึ้น เย็นขึ้น และนี่คือสิ่งที่เราทำมาตลอด จนวันนี้เรียกว่าลูกๆ ดีขึ้นกว่าช่วงก่อนมากค่ะ”

คุณหมอรวงข้าวในฐานะคุณแม่ลูกชายฝาแฝดบอกอีกว่า “บางคนอาจคิดว่าเด็กตัวเล็กๆ พูดอะไรไป เขาก็ไม่เข้าใจหรอก แต่หากเราพูดด้วยเหตุผล บางเรื่องอธิบายเป็นฉากๆ ก็รู้สึกว่าได้ผลเหมือนกัน อย่างลูกไม่ยอมแปรงฟัน เราก็ต้องอธิบายด้วยเหตุและผลว่า ถ้าไม่แปรงฟันก็จะฟันผุนะ เขาก็จะเริ่มอยากแปรงฟันขึ้นมา แต่ถ้าเราไปดุ เขาก็จะไม่ยอมทำตาม”

ความหวังในลูกชายฝาแฝด

สำหรับการตั้งความหวังในตัวของ “น้องณภ” และ “น้องภพจ์” คุณแม่บอกอย่างน่าเอ็นดูว่าอยากให้ลูกทั้งสองเป็นคนที่เข้าใจโลก “เพราะเราเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว พอถึงจุดที่เราหันกลับไปมองตัวเองก็คิดว่าไม่ควรทำแบบนั้น และเราไม่อยากให้ลูกเป็นเหมือนเราเลยต้องสอนลูกแต่เนิ่นๆ ในแบบที่เขารับได้ รวมถึงเรื่องการเรียนและการทำงานในอนาคตก็อยากให้เขามาช่วยดูแลกิจการของเรา แต่เอาจริงๆ ก็ต้องดูอีกทีค่ะว่าเขาชอบหรือสนใจในงานที่แม่อย่างเราทำแค่ไหน แต่ดูแล้วก็เห็นว่าลูกทั้งสองมีความสนใจอะไรที่คล้ายๆ กับเรา เชื่อว่าเขาก็น่าจะมาสานต่องานของเราในอนาคตได้ค่ะ ตอนนี้ก็ปล่อยให้เขาได้ทำตามสิ่งที่เขาอยากทำไปก่อน เลี้ยงเขาให้มีความสุขตามวัยเด็กของเขาให้มากที่สุดค่ะ”

วันนี้เรียกได้ว่าทุกอย่างลงตัวแล้วอย่างที่สุด ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ หน้าที่การงาน รวมถึงชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ มีทั้งสามีและลูกๆ อันเป็นที่รัก ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้ “หมอรวงข้าว” พญ.ณัฐฐามณี สิริภคพันธ์ ยังคงเดินหน้าพัฒนา Lovely Eye & Skin Clinic พร้อมกับการสรรค์สร้างความสวยงามและความสุขผ่านดวงตาอันสดใสให้กับผู้คนอีกมากมายต่อไป

สั่งจองนิตยสาร Howe ฉบับที่ 102 โดยไม่ต้องรอหาตามแผงสั่งได้ที่

Line : Howemagazine
  Fanpage : Howemagazine
รายละเอียดการสั่ง (คลิ๊ก)

  อ่านนิตยสาร Howe Magazine ออนไลน์ได้ที่

Ookbee-Logo
LOGO-MEB-2017
Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.