พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดเทศกาลชมดอกไม้กรุงเทพฯ (Bangkok Flora Festival) ณ ทุ่งทานตะวัน สวนวชิรเบญจทัศ(สวนรถไฟ) เขตจตุจักร ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-20 ธันวาคม 2563 ภายใต้ Theme งาน“ยิ้มรับทานตะวัน มหัศจรรย์การเรียนรู้” (The Miracle of Learning & Smiling Sunflower) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่และเป็นของขวัญปีใหม่ให้ชาวกรุงเทพมหานคร โดยมีคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักสิ่งแวดล้อม ผู้บริหารเขตกลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ นักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการสวนสาธารณะ ร่วมพิธี โอกาสนี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้รับมอบม้านั่งสแตนเลสสตีล แบบ 3 ที่นั่ง จำนวน 50 ตัว มูลค่า 2,800,000 บาท จากนายยองชอล ควอน กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท โพสโค-ไทยน็อคซ์ จำกัด (มหาชน) เพื่อนำไปใช้ประโยชน์สำหรับประชาชนที่ใช้บริการในพื้นที่สวนวชิรเบญจทัศด้วย
สำหรับการจัดทำทุ่งดอกทานตะวันที่สวนวชิรเบญจทัศนี้ ได้ปลูกดอกทานตะวัน จำนวน 30,000 ต้น บนพื้นที่ 4 ไร่ ตามแนวคิด ทุ่งทานตะวัน มหัศจรรย์การเรียนรู้ โดยคัดเลือกดอกทานตะวันพันธุ์ วินเซ็นท์ ช้อยซ์ บราวน์ เซ็นเตอร์ ที่มีลักษณะเด่น คือ เป็นพันธุ์ผสมที่ไม่มีละอองเกสร ทำให้ผู้แพ้ละอองเกสรสามารถเข้ามาชมได้ โดยเปิดให้เข้าชมระหว่างวันที่ 1–20 ธ.ค. 63 ซึ่งนอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแล้ว ยังเป็นแหล่งการเรียนรู้เรื่อง “ต้นทานตะวัน” ให้กับเยาวชนและผู้ที่สนใจ
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร ให้ความสำคัญกับการดูแลอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยตระหนักดีว่าการได้อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีจะช่วยให้ประชาชนมีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดี และมีความพร้อมสำหรับการพัฒนาศักยภาพในด้านต่างๆ ต่อไป จึงมีนโยบายปรับปรุงและเพิ่มพื้นที่สีเขียวในรูปแบบต่างๆ ซึ่งการพัฒนาพื้นที่ภายในสวนสาธารณะให้เป็นสวนดอกไม้ตามฤดูกาลเป็นรูปแบบหนึ่งของการปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองให้มีความร่มรื่น สวยงาม และน่าอยู่อย่างมีพลวัตร จึงมอบหมายให้สำนักสิ่งแวดล้อม จัดทำทุ่งดอกไม้ในสวนสาธารณะต้อนรับฤดูหนาว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่และเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน
ทั้งนี้เทศกาลชมดอกไม้กรุงเทพฯ (Bangkok Flora Festival) เป็นโครงการที่กรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินการต่อเนื่องจากโครงการเติมสีสัน ให้สวนสวย ตามที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2562 โดยให้เพาะปลูกไม้ดอกไม้ประดับที่มีสีสันสวยงามในพื้นที่สวนสาธารณะ โดยกรุงเทพมหานครได้ปลูกไม้ดอกไม้ประดับในสวนสาธารณะนำร่อง จำนวน 5 แห่ง ประกอบด้วย 1. สวนวชิรเบญจทัศ เขตจตุจักร จัดแสดงทุ่งดอกบานชื่นแคระ อุทยานบัว และนาข้าว 2. สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เขตจตุจักร จัดแสดงทุ่งดอกปทุมมา และดอกฮอลี่ฮ็อก ตามแนวคิด “สีสันวันวาเลนไทน์” 3. สวน 60 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง จัดแสดงสวนแนวตั้ง ตามแนวคิด “สวนรื่นรมย์ ชื่นชมกระบองเพชรยักษ์” 4. สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (สาทร) เขตสาทร จัดแสดงสวนบัว ภายใต้แนวคิด “สีสันพันธุ์บัวในรั้ว สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา (สาทร)” และ 5. สวนลุมพินี เขตปทุมวัน ซึ่งเป็นสวนสาธารณะเก่าแก่ที่สุดของกรุงเทพมหานคร จัดแสดงทุ่งดอกไม้ ตามแนวคิด “วันดอกไม้บานที่สวนลุมพินี” โดยปลูกไม้ดอกสีสันสวยงามหลากชนิด และจัดทำถนนสายดอกไม้ ทั้งนี้ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ ทั้ง 5 สวน พร้อมให้นักท่องเที่ยวและประชาชนไปเที่ยวชม พักผ่อน และสัมผัสบรรยากาศความสวยงามของทุ่งดอกไม้ พร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกได้ตามอัธยาศัย ตั้งแต่ปลายปี 63 ต่อเนื่องถึงปี 64
อย่างไรก็ดีนอกจากเทศกาลชมดอกไม้กรุงเทพฯ กระจายไปตามสวนสาธารณะนำร่อง จำนวน 5 แห่งข้างต้น กรุงเทพมหานคร โดยสำนักสิ่งแวดล้อม ยังได้ให้สวนสาธารณะต่างๆ จัดทำสวนดอกไม้ให้ประชาชนเข้าชมโดยหมุนเวียนสับเปลี่ยนไป ดังนี้ สวนวนาภิรมย์ร่มเกล้า เขตลาดกระบัง เปิดให้เข้าชมทุ่งดอกแพงพวย ระหว่างวันที่ 12–31 ม.ค. 64 สวนหย่อมป้อมมหากาฬ เขตพระนคร เปิดให้เข้าชมทุ่งดอกดาวกระจาย ระหว่างวันที่ 10–20 เม.ย. 64 สวนจตุจักร เขตจตุจักร เปิดให้เข้าชมทุ่งดอกดาวเรือง ดาวกระจาย และดอกมากาเร็ต ระหว่างเดือน มิ.ย.–ก.ค. 64 และ สวนลุมพินี เขตปทุมวัน เปิดให้เข้าชมทุ่งดอกสร้อยไก่ หงอนไก่ และแพงพวย ระหว่างเดือน ก.ย.-ต.ค. 64 จึงขอเชิญชวนประชาชน เที่ยวชมเทศกาลชมดอกไม้กรุงเทพมหานคร (Bangkok Flora Festival) พร้อมทั้งร่วมกิจกรรม ถ่ายภาพเช็คอิน และรับของที่ระลึกภายในงาน ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ https://sites.google.com/view/smilingsunflower
เครดิต : สำนักงานประชาสัมพันธ์กรุงเทพมหานคร
สั่งจองนิตยสาร Howe โดยไม่ต้องรอหาตามแผงสั่งได้ที่
Line : Howemagazine
Fanpage : Howemagazine
รายละเอียดการสั่ง (คลิ๊ก)
อ่านนิตยสาร Howe Magazine ออนไลน์ได้ที่
