“นม” คุณค่าที่ไม่ธรรมดา
“นม” เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพยอดฮิตที่เราทุกคนต้องดื่มตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เนื่องด้วยคุณค่าและสารอาหารที่ครบครัน อันอุดมไปด้วย แคลเซียม แมกนีเซียม โซเดียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ไอโอดีน วิตามินเอ วิตามินบี1,2,5,12 วิตามินซี วิตามินดี วิตามินเค ธาตุเหล็ก ฯลฯ
ว่าแต่…นมที่เราดื่มกันอยู่ในทุกวันนี้เป็นแบบไหน แล้วเราดื่มนมถูกช่วงเวลาหรือไม่ และมีข้อควรระวังในการดื่มนมอย่างไรบ้าง มาเรียนรู้กันเลยค่ะ
ประเภทของนม
- นมพาสเจอร์ไรส์ คือ นมที่ผ่านการฆ่าเชื้อโดยใช้ความร้อนประมาณ 63-65 องศาเซลเซียส นาน 30 นาทีขึ้นไปเพื่อทำลายเชื้อจุลินทรีย์บางตัวที่ก่อให้เกิดโรค มีระยะเวลาในการเก็บได้นานเพียงแค่ 10 วันเท่านั้น และเนื่องจากการผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนต่ำ จึงมีคุณค่าทางอาหารสูง แต่เก็บไว้ดื่มได้ไม่นาน
- นมยูเอชที คือ นมที่ผ่านการฆ่าเชื้อโดยใช้ความร้อนประมาณ 100 องศาเซลเซียส นาน 2-4 วินาที เพื่อทำลายเชื้อจุลินทรีย์และสปอร์บางตัวที่ก่อให้เกิดโรค ส่วนมากนิยมบรรจุเป็นกล่อง เก็บไว้ได้นานโดยไม่ต้องแช่ตู้เย็น เพราะผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูง
- นมสเตอริไลส์ คือ นมที่ผ่านการฆ่าเชื้อโดยใช้ความร้อน 133 องศาเซลเซียสขึ้นไป นาน 1 วินาทีขึ้นไป นิยมบรรจุในกระป๋องโลหะ กระบวนการในการผลิตนมประเภทนี้ จะทำให้สูญเสียวิตามินบางชนิดไป เช่น วิตามินบี1,2 และวิตามินซี แต่สามารถเก็บไว้ได้นาน 1-2 ปี
ประโยชน์ของนม
- เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน
- เพิ่มความสูง เพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูกในวัยเด็ก
- ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
- เสริมสร้างเม็ดเลือดแดง ภูมิต้านทานและระบบประสาท
- ช่วยในระบบขับถ่าย
- ลดความดันโลหิต ลดไขมันในเลือด
- ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
- ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
- บำรุงผิวพรรณ กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในเซลล์ผิว
ช่วงเวลาในการเลือกดื่มนม
05.00-07.00 น. – กระตุ้นการขับถ่าย เนื่องจากเป็นช่วงที่ท้องว่าง ลำไส้ใหญ่จึงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
07.00-09.00 น. – เวลานี้เป็นเวลาของมื้อเช้า ควรดื่มนมเพื่อกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหาร
09.00-12.00 น. – เวลานี้เป็นเวลาทำงาน ควรดื่มนมเพื่อกระตุ้นสมองให้ปลอดโปร่ง
12.00-15.00 น. – เป็นช่วงที่มีการดูดซึมสารอาหารได้ดีในลำไส้เล็ก และควรทานอาหารเที่ยงให้เสร็จไม่เกินบ่ายโมง
15.00-17.00 น. – เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายขับถ่ายของเสีย ควรดื่มนมเพื่อช่วยในการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ
17.00-21.00 น. – ดื่มนมเวลานี้จะช่วยให้ร่างกายกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตได้ดียิ่งขึ้น
21.00-23.00 น. – เวลานี้เป็นช่วงเวลาพักผ่อน ควรเลือกดื่มนมอุ่นๆ เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมได้ดีที่สุด
ข้อควรระวังในการดื่มนม
- ไม่ดื่มนมพร้อมกับการรับประทานยา หรือดื่มนม 1-2 ชั่วโมงก่อนและหลังการรับประทานยา เพราะนมจะไปลดการดูดซึมของยาได้
- ไม่ควรเลี้ยงทารกด้วยนมเปรี้ยวหรือนมข้นหวาน เพราะมีน้ำตาลและไขมันสูง แต่มีโปรตีนต่ำ
- ไม่ควรเติมน้ำตาลหรือมะนาวลงในนม เพราะน้ำตาลที่เติมลงไปในนมร้อนๆจะก่อให้เกิดสารพิษ ส่วนมะนาวจะไปทำลายโปรตีนในนม
เพื่อสุขภาพที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก หรือผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควรเลือกดื่มนมรสจืด ประเภทพร่องมันเนย หรือนมไขมันต่ำ ส่วนผู้ที่แพ้นมวัว ควรเลือกดื่มนมถั่วเหลือง น้ำนมอัลมอนด์ น้ำนมข้าว น้ำนมข้าวโพด แทนนมวัวได้ และควรอ่านฉลาก สังเกตดูวันหมดอายุก่อนการบริโภคทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย
ข้อมูลอ้างอิงบางส่วนจาก : องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย
สั่งจองนิตยสาร Howe โดยไม่ต้องรอหาตามแผงสั่งได้ที่
Line : Howemagazine
Fanpage : Howemagazine
รายละเอียดการสั่ง (คลิ๊ก)
อ่านนิตยสาร Howe Magazine ออนไลน์ได้ที่