ห่มสไบ แต่งชุดไทย ชวนออเจ้า เที่ยวตามรอยบุพเพสันนิวาส

0
1091

ห่มสไบ แต่งชุดไทย ชวนออเจ้า เที่ยวตามรอยบุพเพสันนิวาส

 

 

บอกเลยนาทีนี้หากใครที่ยังไม่มีชุดไทย ห่มสไบเป็นของตัวเอง มีเอาต์แน่นอน ด้วยกระแสความดังเปรี้ยงปร้างของละครบุพเพสันนิวาสที่ออกอากาศมาได้สักพักใหญ่ๆ ทำให้ผู้คนต่างปลุกกระแสสำนึกรักอนุรักษ์ความเป็นไทย แต่งชุดไทยเที่ยวเมืองมรดกโลกอย่างอยุธยา จนทำให้คิวเข้าชมสถานที่ต่างๆ ที่ถูกเอ่ยถึงในบทละครนั้นแน่นขนัด ซึ่งจะมีสถานที่ใดบ้างนั้น นิตยสารฮาวจะพาคุณผู้อ่านทุกท่านไปร่วมตามรอยห่มสไบ แต่งชุดไทย เที่ยวตามรอยบุพเพสันนิวาสกันนะออเจ้าเอย

 

 

อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เที่ยวชมโบราณสถานเก่าแก่ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม บนพื้นที่กว่า 3,000 ไร่ ทั้งพระราชวังโบราณ วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดพระราม วิหารพระมงคลบพิตร และอีกมากมาย ได้สัมผัสความรุ่งเรืองของกรุงศรีอยุธยา อดีตราชธานีที่ปกครองแผ่นดินมาถึง 417 ปี

 

 

วัดไชยวัฒนาราม เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างขึ้นสมัยพระเจ้าปราสาททอง เพื่ออุทิศเป็นพระราชกุศลถวายให้พระราชมารดา และใช้จัดพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในพระมหากษัตริย์เกือบทุกพระองค์ของอยุธยา ภายในมีสิ่งน่าสนใจมากมาย ได้แก่ พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ เป็นปรางค์ประธานตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส แต่ละมุมของฐานมีปรางค์ประจำทิศตั้งอยู่ด้วย เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมแบบสมัยอยุธยาตอนต้น

 

พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา ตั้งอยู่บนถนนโรจนะ มีอาคารจัดแสดง 3 อาคาร คือ หมู่อาคารเรือนไทย สร้างอยู่ในสระน้ำ มีลักษณะเป็นเรือนไทยภาคกลาง ภายในจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ของผู้คนในอดีต, อาคารศิลปะในประเทศไทย มี 2 ชั้น จัดแสดงสมัยอยุธยา สมบัติชาติมากมาย ที่ล้วนมีคุณค่าและมูลค่ามหาศาลมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ถูกเก็บรักษาอย่างดีไว้ใน พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา โดยมีอาคารจัดแสดงทั้งหมดสามหลัง ภายในมีข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ของผู้คนในอดีต เศียรพระพุทธรูป พระพุทธรูป เครื่องเคลือบ เครื่องปั้นดินเผาขนาดเล็ก ตลอดจนศิลปวัตถุอีกหลายสิ่งที่รวบรวมได้จากจังหวัดอยุธยา

 

 

วัดพุทไธศวรรย์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทางด้านทิศตะวันตก เป็นสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอู่ทอง หรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 พ.ศ. 1896 เป็น พระอารามหลวงที่พระองค์โปรดให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นพระราชอนุสรณ์ในการสถาปนากรุงศรีอยุธยา และเมื่อครั้งที่เสียกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2310 วัดได้ถูกเผาทำลาย ปัจจุบันจึงยังมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ สิ่งที่โดดเด่นภายในวัด คือ ปรางค์พระประธาน มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมแบบขอมสีขาวสวยงาม มณฑปสองหลังที่อยู่ด้านข้างของปรางค์พระประธาน พระอุโบสถ หมู่พระเจดีย์สิบสององค์ วิหารพระนอน พระตำหนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ พระนอน เป็นต้น ซึ่งอยู่ในวิหารด้านหลังบริเวณริมน้ำมีพระบรมรูปพระมหากษัตริย์ห้าพระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) สมเด็จพระเอกาทศรถ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

 

 

วัดพระราม เป็นอีกหนึ่งวัดสำคัญที่มีความใหญ่โตกว้างขวาง มีพระปรางค์ขนาดใหญ่ ก่อด้วยอิฐสอปูน เป็นสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนต้นที่นิยมทำเป็นพระปรางค์ สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระราเมศวร ราวปี พ.ศ. 1912 สร้างขึ้นตรงบริเวณที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) พระราชบิดา วัดนี้มีบึงน้ำกว้างใหญ่อยู่หน้าวัด บึงมีชื่อปรากฎอยู่ในกฎมณเฑียรบาลว่า “บึงชีขัน” หรือ “หนองโสน” ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “บึงพระราม” ปัจจุบันคือ “สวนสาธารณะบึงพระราม”

 

 

วัดธรรมาราม ตั้งอยู่ตำบลบ้านป้อม เป็นวัดเล็กๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยา มีอายุไม่ต่ำกว่า 400 ปี อดีตที่นี่เป็นฐานที่มั่นในการตั้งค่ายของพม่า เพราะอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่ดี ใกล้กับปากแม่น้ำลพบุรี และมีทุ่งกว้างเรียกว่า ทุ่งประเชต อยู่ด้านหลังวัด เมื่อช่วงเสียกรุงในปี พ.ศ.2310 วัดได้ถูกเผาทำลาย ครั้งในสมัยรัตนโกสินทร์ ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ เนื่องจากวัดตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกตรงข้ามกับพระราชวังหลวง จึงเป็นหนึ่งในสี่ของท่าเรือข้ามฟากในสมัยนั้น ได้แก่ ท่าข้ามวัดธรรมาราม ท่าข้ามวัดกษัตราธิราช ท่าข้ามวัดราชพีร์ และท่าข้ามวัดไชยวัฒนาราม ความสำคัญของ วัดธรรมาราม คือสมัยกรุงศรีอยุธยาในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระบรมโกศ มี พระราชาคณะผู้ใหญ่ที่สำคัญดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส คือ พระอุบาลีมหาเถระ พระสงฆ์ที่สร้างคุณประโยชน์ให้กับพุทธศาสนาในสมัยนั้น และปัจจุบันก็มีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ พระอุบาลีมหาเถระขึ้นที่นี่ด้วย

 

 

วัดเชิงท่า วัดตีนท่า วัดคลัง หรือ วัดโกษาวาสน์ สร้างมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอู่ทอง ในตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเคยเป็นสถานที่เล่าเรียนหนังสือของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ โบราณสถานในวัดที่ยังคงปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน ได้แก่ โบสถ์ วิหาร พระปรางค์ห้ายอด ที่มีความโดดเด่นแตกต่างจากวัดอื่น ด้วยฐานพระปรางค์เป็นทรงแท่งสี่เหลี่ยมจัตุรัส และสร้างวิหารยื่นออกไปเป็นรูปกากบาท หรือไม้กางเขน และพระเจดีย์อีกจำนวนมาก รวมไปถึงศาลาการเปรียญหลังใหญ่ริมน้ำ ซึ่งข้างในมีภาพเขียนสีแบบไทยที่งดงาม

 

เพนียดคลองช้าง (วังช้างอยุธยา) ตั้งอยู่ที่ตำบลสวนพริก เป็นสถานที่พักพิงดูแลช้าง และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังของเมืองไทย ด้านในมีการจัดให้นักท่องเที่ยวได้มาป้อนกล้วย อ้อย ถ่ายรูปกับช้างอย่างใกล้ชิด ซึ่งมีช้างมากกว่า 100 เชือก

 

 

วัดพระคริสต์ประจักษ์ เกาะใหญ่ ตั้งอยู่เยื้องกับศูนย์ศิลปาชีพบางไทร คนละฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นโบสถ์คาทอลิกเก่าแก่ที่สวยงามมาก ภายนอกทาสีครีมอ่อนตัดสีขาว ดูสว่างไม่มืดทึบ ส่วนด้านในมีภาพเขียนสีเล่าเรื่องราวของพระเยซู อยู่ใต้โดมของโบสถ์สไตล์ยุโรป และหอระฆังอยู่บนชั้นสอง เรียกได้ว่าที่แห่งนี้คือศูนย์รวมจิตใจและจุดรวมความเชื่อของชาวเกาะใหญ่ที่นับถือคริสต์เลยก็ว่าได้

 

ป้อมเพชร ปัจจุบันตั้งอยู่ใกล้กับวัดสุวรรณดาราราม ตรงข้ามกับวัดพนัญเชิงวรวิหาร เป็นป้อมปราการริมแม่น้ำอยู่บริเวณที่บรรจบของแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำป่าสัก ซึ่งมักจะมีน้ำวนใหญ่อยู่บริเวณนี้ ในอดีตป้อมเพชรมีความสำคัญมากเพราะเป็นด่านปราการศัตรูที่ดี ถ้าข้าศึกรุกรานเข้ามาแล้วไม่ชำนาญ ก็อาจจะทำให้เรือล่มบริเวณน้ำวนได้ ลักษณะของป้อมปราการแห่งนี้ก่อขึ้นด้วยอิฐสลับกับศิลาแลง หนา 14 เมตร มีรูปทรงหกเหลี่ยม ยื่นออกจากแนวกำแพง มีช่องคูหา หรือ เชิงเทิน ก่อเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลม ใช้เป็นที่ตั้งปืนใหญ่ สมัยอยุธยาบริเวณนี้จะเป็นย่านที่พักอาศัยของพ่อค้า ทั้งชาวจีน ชาวฮอลันดา และชาวฝรั่งเศส ถือได้ว่าเป็นท่าเรือที่สำคัญ

 

 

สั่งจองนิตยสาร Howe โดยไม่ต้องรอหาตามแผงสั่งได้ที่
Line : Howemagazine
Fanpage : Howemagazine
รายละเอียดการสั่ง (คลิ๊ก)

 อ่านนิตยสาร Howe Magazine ออนไลน์ได้ที่

Ookbee-Logo

LOGO-MEB-2017

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.