สุริยน ศรีอรทัยกุล – เส้นทางความสำเร็จที่เกิดจากความมุ่งมั่น

0
71

กว่า 60 ปีที่ “บิวตี้ เจมส์” ได้เริ่มดำเนินธุรกิจเครื่องประดับและอัญมณี ซึ่งเป็นร้านขนาดสองคูหาแถวย่านเจริญกรุงเมื่อปี พ.ศ. 2507 และหลังจากนั้น 9 ปี บิวตี้ เจมส์ ได้พัฒนาก้าวแกร่งสู่การเป็นเจ้าของโรงงานผลิตเครื่องประดับแบบ OEM ให้กับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งได้ส่งออกเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ บิวตี้เจมส์ อีกด้วย “คุณหนึ่ง สุริยน ศรีอรทัยกุล” กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท บิวตี้ เจมส์ ในฐานะทายาทรุ่นที่ 2 ได้เข้ามาบริหารและขับเคลื่อนให้ บิวตี้ เจมส์ ก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ชั้นนำของเมืองไทย เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ทั้งเรื่องการออกแบบและฝีมือที่มีคุณภาพ ที่สำคัญ บิวตี้ เจมส์ ยังมาพร้อมกับภาพลักษณ์ความเป็นไทย เพื่อตอกย้ำความเป็นเมืองแฟชั่น รวมทั้งการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนแบบมีธรรมาภิบาล

            “บิวตี้ เจมส์ เริ่มต้นทำธุรกิจเมื่อ 60 ปีที่แล้ว โดย ดร.พรสิทธิ์ ศรีอรทัยกุล และ ดร.สุณี ศรีอรทัยกุล (คุณพ่อและคุณแม่) ซึ่งในระยะแรกเป็นธุรกิจแบบซื้อมาขายไป หลังจากนั้น คุณพ่อ คุณแม่ คุณลุง และคุณอาก็เล็งเห็นว่า เมืองไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวและช่างไทยก็มีฝีมือ จึงตัดสินใจเปิดโรงงานอุตสาหกรรมผลิตเพื่อส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในปี พ.ศ. 2516 ซึ่งถือเป็นโรงงานผลิตเครื่องประดับอันดับแรกๆ ของเมืองไทย ถือเป็นแนวคิดที่ชาญฉลาดเพราะเป็นการเริ่มปักหมุดธุรกิจนี้ให้เป็นรากฐานให้กับประเทศ หลังจากนั้นได้ทำธุรกิจนำเข้าทองคำชื่อ บริษัท บางกอกแอสเสย์ออฟฟิส จำกัด”

            “เมืองไทยเป็นประเทศที่มีพลอยสวยและมีช่างเจียระไนพลอยที่มีฝีมือดีแห่งหนึ่งในโลก จึงจัดตั้งบริษัท บิวตี้เจมส์เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด เพื่อเจียระไนและผลิตพลอยเพื่อส่งให้กับโรงงานตัวเอง พอผ่านไประยะหนึ่ง ผมและพี่ชาย (คุณสุรสิทธิ์ ศรีอรทัยกุล) ได้กลับมาเมืองไทยหลังจากเรียนจบด้านบริหารธุรกิจจากสหรัฐอเมริกา เพื่อมาช่วยธุรกิจของครอบครัวที่ดำเนินธุรกิจมาราว 17 ปี ถือว่าช่วงนั้นไฟแรงและมีเป้าหมายที่อยากจะขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เพราะขณะนั้นตลาดหลักคือประเทศญี่ปุ่น ผมกับพี่ชายเห็นถึงศักยภาพของตลาดอเมริกาจึงมุ่งขยายตลาดไปที่นั่น ซึ่งในขณะนั้นผมเข้ามาช่วยคุณแม่ดูแลเรื่องการเงิน และช่วยขยายตลาดลูกค้าในประเทศด้วย”

“สำหรับการทำการตลาดในเมืองไทย ตอนนั้นผมคิดว่า ถ้าแบรนด์ บิวตี้ เจมส์ จะมีชื่อเสียงเฉพาะตลาดต่างประเทศจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ฉะนั้นกระดุมเม็ดแรกของผมก็คือ ความตั้งใจที่จะนำของที่ดีที่สุดจากทั่วโลกให้มาอยู่ในมือคนไทยในราคาที่คุ้มค่าและถูกกว่าของเมืองนอก 3 – 4 เท่าตัว เรามุ่งหวังกำไรพอประมาณ เพราะอยากให้อัญมณีคุณภาพเหล่านั้นยังอยู่ในประเทศไทย แม้สัดส่วนรายได้จากการขายในประเทศจะอยู่ที่ราวๆ 10 – 15% ส่วนที่เหลือจะเป็นยอดการส่งออก และนี่ถือเป็นทิศทางที่ชัดเจน บิวตี้ เจมส์ มีหน้าร้านอยู่ที่ บิวตี้ เจมส์ เซนเตอร์ ซอยศาลาแดง ถ.สีลม และ ชั้น 2 เซ็นทรัลชิดลม ซึ่งโรงงานจะมี 4 แห่ง คนงานประมาณ 3,000 คน ส่วนรายได้จะเฉลี่ยปีละ 7,000 – 8,000 ล้านบาทครับ”

“บิวตี้ เจมส์ เติบโตและสั่งสมประสบการณ์มายาวนานถึง 60 ปี ในวันนี้ บิวตี้ เจมส์ คือหนึ่งในโรงงานส่งออกเครื่องประดับและอัญมณีอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ถือเป็นความภาคภูมิใจเพราะอุตสาหกรรมอัญมณีของไทยในปีนี้ มีรายได้รวม 500,000 ล้านบาท และมียอดจำหน่ายสินค้าในประเทศรวม 150,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นฟันเฟืองที่ช่วยเศรษฐกิจชาติเพราะมีคนอยู่ในอุตสาหกรรมนี้นับล้านคน ฉะนั้นผมอยากให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญ และอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของผมก็คือ การได้ดำรงตำแหน่ง ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มา 4 ปีซ้อน ผมอยากมีส่วนร่วมในการผลักดันอุตสาหกรรมอัญมณีของไทยให้เป็นที่รู้จัก เข้าใจ และช่วยผลักดันนโยบายเชิงรุก เพื่อให้อุตสาหกรรมนี้อยู่คู่คนไทยต่อไป”

“จากวันแรกที่ครอบครัวเริ่มต้นดำเนินธุรกิจจนมาถึงรุ่นผมและพี่ชาย เราทั้งสองยังคงยึดมั่นในหลักการเดียวกันกับคุณพ่อและคุณแม่ นั่นคือ “คุณภาพ” และ “ความซื่อสัตย์” ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ และเป็น DNA ที่ฝังลึกอยู่ในตัวของผู้บริหารและพนักงานทุกคน ไปจนถึงทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต ความตั้งใจในการควบคุมคุณภาพ และความพิถีพิถันในทุกรายละเอียด” “ปัจจุบัน บิวตี้ เจมส์ ทำธุรกิจรีเทลและส่งออกมาอย่างยาวนาน ธุรกิจจิวเวลรีไม่ใช่แค่การขายเครื่องประดับ แต่เป็นการผสมผสานงานฝีมือที่ประณีต ถ่ายทอดคุณค่าและอารมณ์ผ่านชิ้นงานศิลปะที่ลูกค้ามอบให้กับคนพิเศษ หรือซื้อเก็บไว้เป็นความทรงจำที่มีคุณค่า ช่างทุกคนคือ Artisan หรือผู้รังสรรค์งานศิลปะชั้นสูง บิวตี้ เจมส์ รังสรรค์คอลเลกชันประจำปี และคอลเลกชันที่คอลแลบส์กับแบรนด์ “SIRIVANNAVARI” ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระองค์ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์อุตสาหกรรมอัญมณี และมีดำริทำคอลเลกชัน “SIRIVANNAVARI x BEAUTY GEMS” ซึ่งเป็น High Jewelry ปัจจุบันนี้เป็นปีที่ 3 ที่เราทำร่วมกับแบรนด์ SIRIVANNAVARI ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีมาโดยตลอด เป็นสิ่งที่ผมภาคภูมิใจมากครับ”

“กว่า 60 ปีที่ บิวตี้ เจมส์ เติบโตและสั่งสมประสบการณ์ ทุ่มเทกับการสร้างแบรนด์ด้วยคุณภาพและความประณีตในทุกขั้นตอน โดยยึดถือความซื่อสัตย์และความพิถีพิถันเป็นหัวใจของงานทุกชิ้น ทุกวันนี้ บิวตี้ เจมส์ คือหนึ่งในผู้นำเครื่องประดับและอัญมณีไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง”

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.